กรุงเทพฯ 17 ต.ค.- ครอบครัวผู้เสียหายถูกปล้นกัญชา-ทำร้ายร่างกาย ไม่เชื่อมั่นการทำคดีของท้องที่ จ่อร้องกองปราบฯ บ่ายพรุ่งนี้ ขอให้ช่วยจับคนร้ายมาดำเนินคดี
น.ส.ไอซ์ แฟนสาวของนายอาร์ม ที่ได้รับบาดเจ็บถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 9 คน บุกปล้นกัญชา ทำร้ายร่างกายอาการสาหัส และใช้ปืนสงครามจ่อหัวลูกชายวัย 9 ขวบ เหตุเกิดในห้องพักย่านพระราม 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้ไม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจท้องที่ เนื่องจากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ ซึ่งเหตุดังกล่าวมองว่าเป็นเหตุร้ายแรง เกิดขึ้นยามวิกาล มีการใช้อาวุธปืนสงคราม โดยหลังเกิดเหตุครอบครัวอยู่ด้วยความหวาดระแวง ตนยังเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกๆ และพ่อแม่ ซึ่งที่ผ่านมา สน.ท้องที่ก็ไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความปลอดภัยให้
น.ส.ไอซ์ ยอมรับว่า เหตุการณ์ทำร้ายร่างกายบุกอุ้มแฟนหนุ่มลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม โดยแฟนถูกกลุ่มชายฉกรรจ์บุกอุ้ม ไปจากปมโกงค่ากัญชา ก่อนถูกปล่อยตัวมา และตนมีการทะเลาะวิวาทกับนาย “พ.” คนให้ขายกัญชา และนาย “ก.” ลูกพี่นาย “พ.” และไปแจ้งความไว้ที่ตำรวจ สน.ท้องที่ ซึ่งตำรวจนัดคู่กรณีมาเจรจาและบอกให้ทางเราถอนแจ้งความ โดยคู่กรณีจ่ายเงินให้ 20,000 บาท ยืนยันที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเรื่อง บาดหมางกับใคร เชื่อว่าทั้ง 2 เหตุการณ์อาจเชื่อมโยงกัน เพราะพฤติการณ์ของคนร้ายคล้ายกัน คือมีการปลอมไลน์เข้ามาติดต่อขอซื้อกัญชา และจงใจทำร้ายแฟนหนุ่มเพียงคนเดียว
ส่วนประเด็นที่สังคมมองว่าครอบครัวตนทำอาชีพไม่ดี ขายกัญชา ก็ยอมรับว่าก่อนการปลดล็อกกัญชา ตนและแฟนเคยถูกจับติดคุก แต่เมื่อพ้นโทษมีการ ปลดล็อกกัญชา ยืนยันมีการขออนุญาต มีใบอนุญาตจำหน่ายกัญชา และไม่ขายให้เด็กและสตรีมีครรภ์ และเย็นวันนี้เวลา 17.00 น. เดินทางไปพร้อมกับทนายรณณรงค์ เพื่อไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สน.
ด้านพี่สาวของ น.ส.ไอซ์ โต้ตำรวจในประเด็นที่ตรวจไม่เจอวิถีกระสุนในที่เกิดเหตุ ยืนยันในบ้านพักมีรอยกระสุนจริง
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวดังกล่าวเคยถูกจับในคดีกัญชา ตั้งแต่ยังไม่มีการปลดล็อก ติดคุกไปแล้ว เมื่อพ้นโทษออกมา มีการปลดล็อก จึงนำกัญชาที่ได้คืนจากเจ้าหน้าที่ประมาณ 500 กิโลกรัมมาขาย โดยสาเหตุการปล้นครั้งนี้ยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากปัญหาการหักค่ายากันหรือไม่ อย่างไร แต่คดีเกิดขึ้นถือว่ารุนแรง มีการใช้อาวุธสงครามก่อเหตุและมีภาพวงจรปิดชัดเจน จึงให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี และขณะนี้ครอบครัวผู้เสียหายเริ่มมีความขัดแย้งกับตำรวจในพื้นที่ เพื่อความเป็นธรรมในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.00 น. จะพาครอบครัวผู้เสียหายร้องต่อกองปราบปราม ให้ช่วยจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เนื่องจากคดีดังกล่าวมีการใช้อาวุธสงคราม ก่อเหตุอุกอาจอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงมองว่าคดีนี้เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดปราบปรามอาวุธปืน อาวุธสงคราม หลังเกิดเหตุที่ จ.หนองบัวลำภู แต่กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น มีการใช้อาวุธปืน และอาวุธสงครามข่มขู่เด็ก ดังนั้น ตำรวจต้องเร่งรัดจับกุมดำเนินคดีโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย