ครูชี้จุดจำลองเหตุการณ์ปืนลั่น ม.3 ดับในห้องคอมพิวเตอร์

นนทบุรี 16 ก.ย. – ตำรวจพาครูชี้จุดเกิดเหตุจำลองเหตุการณ์ปืนลั่นนักเรียนชั้น ม.3 เสียชีวิต ขณะที่ครอบครัว อาจารย์ เพื่อน ร่วมรดน้ำศพท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ


พลตำรวจตรีไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ติดตามคดีการเสียชีวิตของเด็กนักเรียนชาย ม.3 ในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนวัดลาดปลาดุก สอบปากคำแล้ว 11 ปาก ส่วนคนก่อเหตุยังถูกคุมตัวและยังสวมชุดนักเรียน มีสีหน้าเคร่งเครียด

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่าการสอบปากคำทราบว่าจังหวะก่อนปืนลั่นผู้ที่พกปืนนำปืนพันใส่เสื้อกันหนาวไว้ ยืนอยู่และกำลังคลี่เสื้อกันหนาวมาใส่ แต่ปืนเกิดลั่นเข้าไปที่หน้าผู้เสียชีวิตที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะคอม ในที่เกิดเหตุมีเพื่อนอยู่ด้วยกัน 4 คน หลังเกิดเหตุผู้พกปืนพยายามจะเข้าไปช่วยเพื่อน แต่ด้วยความชุลมุนครูให้นักเรียนออกจากห้อง จากนั้นผู้ก่อเหตุโทรหารุ่นพี่ให้เข้ามาที่โรงเรียน เพื่อให้ไปทิ้งในคลอง ยืนยันว่าทั้งคนที่ทำปืนลั่นและคนเสียชีวิต ไม่มีปัญหาทะเลาะกัน เป็นเพื่อนรักกันแต่ปืนลั่น ไม่มีเจตนาฆ่า


นอกจากนี้ การตรวจสอบยังพบว่าผู้พกปืนนำปืนเข้ามาเพราะอยากเอามาขู่เพื่อนกลุ่มอื่น มีปัญหากับเพื่อนกลุ่มอื่น ก่อนหน้านี้เคยนำปืนเข้ามาโรงเรียนแล้วหลายครั้ง ผู้พกปืนอัางว่าไม่เคยใช้ปืน ยิงไม่เป็น ปืนเป็นของเพื่อนรุ่นพี่ ที่มีความรู้ทางช่างทำปืนไทยประดิษฐ์ .38 ขึ้นมาเอง วิถีกระสุนเบื้องต้นพบว่าเสื้อกันหนาวมีรูกระสุน ส่วนคีย์บอร์ดที่แตกหรือพัง ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทันทีที่มีการสอบปากคำเสร็จ ตำรวจคุมตัวเด็กชายผู้ก่อเหตุทำปืนลั่น ส่งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี น้องบอกกับสื่อสั้นๆ ยืนยันว่าเป็นการทำปืนลั่นใส่เพื่อน

ส่วนความเคลื่อนไหวของครอบครัวเด็กชายที่เสียชีวิต วันนี้มีการไปที่โรงเรียนจุดที่เกิดเหตุ เพื่อเชิญดวงวิญญาณของน้องโชค ผู้ตาย ท่ามกลางความโศกเศร้า ครอบครัวบอกว่าได้ศพนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดราษฎร์ประคองธรรม อำเภอบางใหญ่ มีพิธีรดน้ำศพ เวลา 16.00 น. ตาบอกว่าหลานเตรียมสอบทหารปีนี้ และเคยคุยกันหากสอบไม่ได้หลานก็จะไปเรียนที่ตราด เพราะเป็นเด็กที่แม่เลี้ยงมาคนเดียว ทำให้ครอบครัวตั้งความหวังไว้สูง

ด้าน พระลูกวัดลาดปลาดุก ที่อุปถัมภ์เลี้ยงดู ส่งเสียให้ค่าเล่าเรียนหนังสือเด็กชายผู้ก่อเหตุ ตอนแรกถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่เด็กบอกว่าทำลั่นใส่เพื่อน เปิดใจกับทีมข่าวยอมรับเครียดจนนอนไม่หลับ ปกติไม่เคยมีประวัติเรื่องปืนและไม่ชอบพวกอาวุธปืน แต่เชื่อว่าอาจเป็นเพราะกลัวและตกใจนึกอะไรไม่ออก นึกถึงหลวงพ่อจึงพูดแบบนั้นออกไปซึ่งก็ให้อภัย ส่วนที่มาเป็นผู้อุปถัมภ์ เพราะแม่น้องฝากไว้กับตั้งแต่น้องอายุ 8-9 ขวบ โดยบอกว่าครอบครัวไม่มีเงินส่งเสียให้เรียน พ่อก็เสียไปแล้ว ตอนนี้ก็มีพ่อใหม่และน้องสาวลูกของพ่อใหม่ อายุ 7 ขวบ เมื่อพระรับมาเลี้ยงก็ได้ส่งให้เรียนหนังสือ ช่วงหลัง ๆ ไปนอนบ้านเพื่อนบ้าง เช่าบ้านอยู่กับแฟนบ้าง ยืนยันเป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่เกเร แต่เรื่องเรียนไม่ทราบว่าขาดเรียนบ่อย เพราะเห็นแต่งตัวไปเรียนทุกวัน รู้สึกเสียใจกับ 2 ฝ่ายที่สูญเสียลูก น้องเองก็เสียใจที่เลือกทางเดินผิด


ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผกก.สภ.บางบัวทอง นำทีมพนักงานสอบสวนและชุดพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่โรงเรียนที่เกิดเหตุ เพื่อนำตัวผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าชี้จุดจำลองเหตุการณ์ เพื่อสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อคลายปมสงสัยสังคมว่าเป็นการเจตนายิงใส่เพื่อนหรือแค่ปืนลั่น ซึ่งครูประจำวิชาคอมพิวเตอร์อธิบายว่า ก่อนเกิดเหตุใครนั่งอยู่ตรงไหนอย่างไร

การจำลองเหตุการณ์ การตรวจวิถีกระสุนในเบื้องต้น พบว่าวิถีกระสุนน่าจะเกิดจากการที่ปืนอยู่บริเวณท้องของผู้ก่อเหตุ และยังอยู่ในเสื้อแจ็กเกต เพราะกระสุนทะลุเสื้อ และไปถูกหางตาด้านซ้าย ก่อนทะลุออกด้านหลังของน้องโชค ส่วนหัวกระสุนกระเด็นโดนคีย์บอร์ดกระแทกกับผนังอีกที ทำให้หัวกระสุนมีลักษณะบี้และแบน กระสุนมีเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น

บรรยากาศพิธีรดน้ำศพที่วัดราษฎร์ประคองธรรม ศาลา 2 อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี มีทั้งอาจารย์ เพื่อน ๆ มาร่วมรดน้ำศพน้องโชค ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ร้องไห้ระงมทั้งศาลา นางสาววรรณพร น้าของน้องโชค บอกกับนักข่าวว่าเวลาดูข่าวก็ภาวนาไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัว สุดท้ายก็มาเกิด ยอมรับทำใจไม่ได้ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเป็นปืนลั่น บาดแผลไม่น่าใช่ และหากปืนลั่นทำไมรีบเอาปืนไปทิ้ง ทำไมไม่บอกครู ไม่บอกผู้ใหญ่ว่าพกปืนมา รู้สึกแย่มากที่โรงเรียนบอกว่าเป็นเพราะคีย์บอร์ดระเบิด ครอบครัวอยากให้ครอบครัวคู่กรณีเข้ามาคุยเข้ามาขอขมา ที่สำคัญอยากได้ยินจากปากว่า มูลเหตุจูงใจคืออะไร ทำไมถึงพกปืนไป มันลั่นจากสาเหตุไหน หรือเอามาเล่นกัน มาโชว์เพื่อน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]