กรุงเทพฯ 6 ก.ย.- ตำรวจ ปคบ.บุกจับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ หลังพบหลักฐานการสร้างข้อมูลเท็จเพื่อหลอกขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยพบเงินหมุนเวียนในระบบการเงินกว่า 600 ล้านบาท
พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ.พร้อม ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ นำกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์สร้างข้อมูลเท็จหลอกขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายมนัสศิริ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี นายพิศิษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี นายธิติพัทธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี น.ส.อิสรีย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี โดยทั้งสี่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันโฆษณาเครื่องสำอางโดยใช้ข้อความที่เกินจริง, ร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวง โดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ” พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ เอกสารต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพผิดกฎหมาย รวมมูลค่าประมาณ 24 ล้านบาท
พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2565 มีดีเจสาวชื่อดังเข้าร้องขอให้ช่วยตรวจสอบ หลังพบเพจเฟซบุ๊กชื่อ Center for the health of the nation นำรูปถ่ายไปใช้แอบอ้างโฆษณาขายผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก โดยที่ตัวเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว จึงจัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบก่อนพบว่า บริษัทของกลุ่มผู้ต้องหาเป็นผู้ดำเนินการโฆษณาและจัดจำหน่ายสินค้าดังกล่าว อีกทั้งยังพบว่าบริษัทดังกล่าวยังมีการโฆษณาโดยใช้ข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลอกลวงผู้บริโภค และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นที่ผิดกฎหมายอีกจำนวนหลายรายการ
นอกจากนี้ ยังพบว่าบริษัทดังกล่าวยังมีการตัดต่อรูปภาพบุคคลที่มีชื่อเสียง, แพทย์หรือสถานพยาบาลชื่อดัง มาใช้แอบอ้างโฆษณา อาทิ ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือหลอกให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ เมื่อมีเหยื่อสนใจติดต่อเข้ามา ผู้ร่วมขบวนการที่ทำหน้าที่ในส่วนฝ่ายขายของบริษัท ซึ่งทำงานในสักษณะ Call Center ก็จะติดต่อกลับไปหาเพื่อบรรยายสรรพคุณเกินจริงโน้มน้าวให้ผู้ซื้อหลงเชื่อตัดสินใจซื้อสินค้าดังกล่าว ซึ่งกว่าที่เหยื่อจะรู้ตัวว่าสินค้าไม่ได้มีสรรพคุณตามที่โฆษณาก็สายไปเสียแล้ว
หลังพบความผิดเป็นที่แน่ชัด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย จากนั้นจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นโรงงานและแหล่งผลิต 6 แห่ง ในหลายพื้นที่ จนสามารถจับกุม น.ส.อิสรีย์ และนายพิศิษฐ์ พร้อมของกลางมูลค่า 24 ล้านบาท ก่อนจะตามจับกุมตัวนายมนัสศิริ และนายธิติพัทธ์ ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะกำลังเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
ด้านผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าบริษัทประกอบกิจการเกี่ยวกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพในลักษณะ Call Center ผ่านทางช่องทางออนไลน์จริง โดยมีนายธิติพัทธ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น ทำหน้าที่บริหารจัดการดูแลบริษัท ส่วน น.ส.อิสรีย์ น้องสาวของนายธิติพัทธ์ จะทำหน้าที่ดูแลด้านการเงิน ส่วนการโฆษณาสินค้า ทางบริษัทได้ว่าจ้างบริษัทในประเทศเวียดนาม, สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับเส้นทางการเงินตำรวจพบว่า มีเงินหมุนเวียนกว่า 660 ล้านบาท เฉพาะเพียงช่วงระหว่างเดือน ม.ค.65-มิ.ย.65 มีรายได้จากการหลอกหลวงขายผลิตภัณฑ์กว่า 219 ล้านบาท มีการจ่ายเงินค่าโฆษณาไปยังต่างประเทศรวมเป็นเงินจำนวน 188 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย