1 ก.ย. – ผู้จัดการสาวแบงก์ชื่อดัง ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สูญเงินกว่า 1.3 ล้านบาท ยอมรับไม่คิดว่าจะมาโดนหลอกแบบนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์แนบเนียนมาก มีทั้งหลักฐาน เอกสารที่น่าเชื่อถือ
หญิงอายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เข้าขอความช่วยเหลือจากนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ผจก.แบงก์ บอกว่าได้ทำเรื่องกรอกแบบฟอร์มกับธนาคารแห่งหนึ่งไว้ ระหว่างที่กรอกประมาณ 3-4 วัน มีไลน์ทักมาเรื่องสินเชื่อส่วนบุคคลให้สมัครลิงก์ จึงกรอกแบบฟอร์มสมัครดู จากนั้นก็มีคนโทรกลับมาบอกผลว่า ได้อนุมัติวงเงินให้ 500,000 บาท ซึ่งเธอบอกว่า เงินจำนวนนี้ต้องการนำไปช่วยเหลือน้า

ต่อมาทางสินเชื่อบอกว่า เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะเป็นลูกค้าใหม่ แต่จะต้องมีการวางเงินไว้ 11% ของวงเงินกู้ เท่ากับ 55,000 บาท ให้โอนเข้ามาในบัญชีเพื่อล็อกวงเงินไว้ เธอบอกว่าโอนเงินไปทั้งหมด 7 ครั้ง
-ครั้งแรก 55,000 บาท เป็นการกันวงเงิน 11%
-ครั้งสอง 150,000 บาท เนื่องจากทางบริษัท แจ้งว่าข้อมูลผิดต้องแก้ไขข้อมูล
-ครั้งสาม 150,000 บาท เนื่องจากตอนโอนไปครั้งที่ 3 ไม่ได้ระบุในโน้ตความจำว่า ไว้สำหรับโอนเพื่ออะไร จึงต้องโอนใหม่
-ครั้งที่สี่ 185,000 บาท เป็นการแก้สัญญา และค่าเอกสาร
-ครั้งที่ห้า 215,000 บาท บริษัทแจ้งว่าเครดิตในระบบไม่พอต้องโอนเงินเข้าอีก
-ครั้งที่หก 255,000 บาท แจ้งว่า บัญชีโดนล็อกต้องทำการปลดบัญชี
-ครั้งที่เจ็ด 350,000 บาท เป็นรอบสุดท้าย เพื่อจะเติมเครดิตเข้าไป
**รวมแล้วเป็น 1,360,000 บาท
ผจก.แบงก์สาว บอกเสียใจมาก ไม่คิดว่าจะมาโดนหลอกแบบนี้ ทั้งๆ ที่เป็นถึงผู้จัดการแบงก์ ยอมรับว่าเขาแนบเนียนมาก มีทั้งหลักฐาน เอกสารที่น่าเชื่อถือ ทำให้ตกเองตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้
ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะไปสอบถาม 2 ธนาคาร ก่อนหน้านี้ เนื่องจาก 3 วัน ก่อนมิจฉาชีพทักมา ผู้เสียหายเขาไปกรอกแบบกู้เงิน 2 ธนาคาร ทำไมมิจฉาชีพจึงรู้ว่าเขาจะใช้เงินแล้วทักไลน์มา ส่วนตัวคิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยต้องรับผิดชอบเรื่องนี้. – สำนักข่าวไทย