พายุไต้ฝุ่น ‘โพดุล’ เข้าสู่ไต้หวันตอนใต้-สูญหาย 1 คน

ไทเป 13 ส.ค. – พายุไต้ฝุ่น ‘โพดุล’ พัดเข้าสู่ตอนใต้ของไต้หวันในวันนี้ด้วยความเร็วลมสูงถึง 191 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้มีผู้สูญหาย 1 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 33 คน ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะได้ประกาศปิดพื้นที่และมีการยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของไต้หวันระบุว่า พายุโพดุลได้พัดขึ้นฝั่งที่เมืองไถตง (Taitung) ทางตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากนั้นได้เคลื่อนตัวผ่านปลายสุดทางตอนใต้ของเกาะ และเข้าสู่ช่องแคบไต้หวันในอีกประมาณ 3 ชั่วโมงต่อมา รัฐบาลรายงานว่ามีผู้สูญหาย 1 คน และบาดเจ็บ 33 คน เมืองและเทศมณฑล 9 แห่ง ประกาศระงับการทำงานและการเรียนการสอนสำหรับวันพุธ รวมถึงเมืองใหญ่ทางตอนใต้อย่างเกาสง (Kaohsiung) และไถหนาน (Tainan) ส่วนในกรุงไทเป ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดการเงินของไต้หวัน มีเพียงลมพัดแรง แต่ไม่มีผลกระทบใด ๆ รัฐบาลระบุว่ามีการอพยพประชาชนกว่า 5,500 คนก่อนที่พายุไต้ฝุ่นจะมาถึง กระทรวงคมนาคมกล่าวว่า มีการยกเลิกเที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมด […]

Trump-Putin summit to be held at Elmendorf Air Force Base in Anchorage, Alaska

เปิดสถานที่เจรจาทรัมป์ – ปูติน

วอชิงตัน 13 ส.ค.- สหรัฐได้เปิดเผยสถานที่สำหรับการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและรัสเซียในอีกสองวันข้างหน้า ขณะที่ยูเครนต้องการมีส่วนร่วมในการเจรจาด้วย เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคมนี้จะจัดขึ้นที่ฐานทัพอากาศเอลเมนดอร์ฟ ในเมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกาของสหรัฐ   นับเป็นการพบกันครั้งแรกหลังจากที่ทั้งคู่พบกันครั้งหลังสุดในปี 2562 นอกรอบการประชุมสุดยอดจี 20 (G20) ที่โอซากาของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐได้ลดความคาดหวังว่า การประชุมครั้งนี้จะมีความคืบหน้าเรื่องการหยุดยิงในยูเครนโดยมองว่า น่าจะเป็นเพียงการ “รับฟังความคิดเห็น” เท่านั้น  นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐให้สัมภาษณ์สื่อในเรื่องนี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการประเมินท่าทีของผู้นำรัสเซียโดยตรงจากการได้พบกันแบบตัวต่อตัว ขณะเดียวกันนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนและชาติพันธมิตรในยุโรปยืนยันว่า สันติภาพอย่างยั่งยืนจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากยูเครนไม่ได้ร่วมโต๊ะเจรจา และว่าข้อตกลงที่จะมีขึ้นจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ อำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ซึ่งในวันนี้ผู้นำยุโรปจะร่วมประชุมทางไกลกับผู้นำสหรัฐเพื่อชี้แจงข้อกังวลดังกล่าว ก่อนที่ทรัมป์จะพบกับปูตินในวันศุกร์นี้ ด้านโฆษกทำเนียบขาวชี้แจงกับผู้สื่อว่า เหตุผลที่นายเซเลนสกีไม่ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดดังกล่าว เนื่องจากผู้นำรัสเซียเป็นผู้เสนอการประชุมนี้ และประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตอบรับเพื่อที่จะสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นว่าจะหาแนวทางยุติสงครามได้อย่างไร อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงเปิดกว้างเสมอสำหรับการประชุม 3 ฝ่ายร่วมกับปูตินและเซเลสกีหลังจากนี้.-816(814).-สำนักข่าวไทย

ผู้นำเกาหลีใต้เตรียมเยือนญี่ปุ่น

โซล 13 ส.ค. – ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงวันนี้ว่า ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ของเกาหลีใต้จะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น โฆษกของประธานาธิบดีอี แถลงกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้นำทั้งสองจะหารือถึงแนวทางในการปรับปรุงสันติภาพในภูมิภาคและส่งเสริมความร่วมมือไตรภาคีกับสหรัฐ อย่างไรก็ตาม โฆษกผู้นำเกาหลีใต้ไม่ได้ระบุวันที่จะจัดการประชุมสุดยอดที่แน่นอนระหว่างการเยือนญี่ปุ่นเป็นเวลา 2 วันของประธานาธิบดีอี ก่อนหน้านี้ นายดีอีเคยวิพากษ์วิจารณ์ความพยายามของรัฐบาลเกาหลีใต้ชุดก่อน ๆ ในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น และเมื่อเขาได้พบกับนายอิชิบะในการประชุมสุดยอดครั้งแรกนอกรอบการประชุมผู้นำประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือ จี7 (G7) ที่แคนาดาเมื่อเดือนมิถุนายน ทั้งคู่ได้ให้คำมั่นว่าจะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ต่างก็เป็นพันธมิตรของสหรัฐ มักจะตึงเครียดเนื่องจากข้อพิพาททางประวัติศาสตร์ที่สืบเนื่องมาจากการที่๊ญี่ปุ่นปกครองคาบสมุทรเกาหลีในฐานะอาณานิคมในช่วงปี 1910-1945 สำหรับการประชุมสุดยอดครั้งที่สองของผู้นำทั้งสองยังมีขึ้นในขณะที่สองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของเอเชียกำลังเผชิญกับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐที่บังคับใช้โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การเดินทางเยือนญี่ปุ่นของประธานาธิบดีอีมีขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะเดินทางเยือนสหรัฐ ซึ่งเขามีกำหนดประชุมสุดยอดกับนายทรัมป์ในวันที่ 25 สิงหาคม.-813.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้เตือนฝนตกหนักทั่วภาคกลาง

โซล 13 ส.ค. – สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของเกาหลีใต้ หรือ เคเอ็มเอ (KMA) แจ้งเตือนฝนตกหนักในบางพื้นที่ของประเทศในวันพุธ โดยคาดว่าจะมีฝนตกหนักถึง 150 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงในเขตปริมณฑลของกรุงโซลจนถึงวันพฤหัสบดี สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า ปริมาณน้ำฝนกว่า 100 มิลลิเมตรตกในเขตเมืองหลวง โดยเฉพาะที่เขตองจิน (Ongjin) ของนครอินชอน ที่มีฝนตกหนักถึง 149.2 มิลลิเมตรภายในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งถือเป็นปริมาณฝนที่หนักที่สุดที่บันทึกสถิติได้ในฤดูร้อนนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 11.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ทางการประกาศเตือนฝนตกหนักในพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตปริมณฑลของกรุงโซล และบางส่วนของนครอินชอนและจังหวัดคย็องกีตอนเหนือ ขณะที่มีคำแนะนำเฝ้าระวังในบางพื้นที่ตอนในของจังหวัดคังวอน รวมถึงบางเมืองในจังหวัดคย็องกีตอนใต้และชายฝั่งตะวันตก จังหวัดคย็องกีได้ยกระดับมาตรการรับมือฉุกเฉินขึ้นหนึ่งระดับ เป็นระดับ 2 ของระบบรับมือภัยพิบัติและมาตรการความปลอดภัยส่วนกลาง ทางการประกาศให้ประชาชนอพยพในพื้นที่ใกล้แม่น้ำที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมในกรุงโซลและบางส่วนของจังหวัดคย็องกี ขณะที่ฝนที่ตกหนักในจังหวัดคย็องกีตอนเหนือทำให้ประชาชนตกค้างและต้องปิดถนนและเส้นทางรถไฟหลายสาย แต่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เคเอ็มเอคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนัก 30 ถึง 50 มิลลิเมตรในพื้นที่ภาคกลางต่อเนื่องไปจนถึงเช้าวันพฤหัสบดี และสำหรับเขตเมืองหลวงจะยังมีฝนตกหนัก 50 ถึง 150 มิลลิเมตร และอาจสูงถึง […]

New China's Ambassador to Thailand

เอกอัครราชทูตจีนคนใหม่จะผลักดันความสัมพันธ์ความสัมพันธ์จีน-ไทย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค.- เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยคนใหม่เปิดเผยว่า จะพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทยให้เป็นรูปธรรมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสร้างอนาคตใหม่แห่งการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทยคนที่ 14 ที่เดินทางมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เขียนบทความชื่อ “ร่วมมือกันสร้างอนาคตใหม่แห่งการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย” ว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้ดำรงตำแหน่งนี้ เป็นภารกิจทรงเกียรติและความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่มาก โดยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและเป็นมิตรของไทยทันทีที่เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ นายจางกล่าวถึงคำกล่าว “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ว่า มีรากฐานมาจากมิตรภาพอันลึกซึ้งที่สืบทอดกันมายาวนานนับพันปี ตำราโบราณของจีนได้ระบุว่า ชาวจีนได้มาเยือนประเทศไทยเมื่อประมาณสองพันปีก่อน ประชาชนทั้งสองประเทศได้ไปหามาสู่กัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันท่ามกลางความยากลำบากและความท้าทายต่าง ๆ ทำให้สัมพันธไมตรีแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันการพัฒนาความสัมพันธ์ได้รับความเอาใจใส่และชี้นำจากผู้นำสูงสุดของทั้งสองประเทศที่มีการแลกเปลี่ยนการเยือนกันอย่างใกล้ชิด ขณะที่ความร่วมมือระหว่างกันสอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของแต่ละฝ่ายในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศ เช่นเดียวกับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับการแสวงหาแนวทางร่วมกันในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความร่งเรืองของภูมิภาค เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยคนใหม่ระบุด้วยว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์จีน-ไทยได้พัฒนาก้าวหน้าในระดับสูง เขาจะพบปะหารือกับทุกภาคส่วนในไทยเพื่อเสริมสร้างมิตรภาพ จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน จะขยายขอบเขตและความลึกซึ้งของความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันก้าวไปอีก 50 ปีข้างหน้า จะพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทยให้เป็นรูปธรรมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น และจะสร้างอนาคตใหม่แห่งการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย.-814.-สำนักข่าวไทย

Trump says 800 DC National Guard troops to be deployed in Washington, D.C. to quell crime

TNA News-Now-Next: เบื้องลึก-เบื้องหลังทรัมป์ส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิไปวอชิงตัน ดีซี

วอชิงตัน 13 ส.ค.-  ว่ากันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการส่งกำลังทหารเข้าประจำการบนผืนแผ่นดินสหรัฐฯ มานานแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมา กำลังหาทางและโอกาสเหมาะ ๆ ที่จะทำเช่นนั้น จนเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา เขาได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความปลอดภัยสาธารณะ พร้อมสั่งประจำการกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ หรือ National Guard จำนวน 800 นายในกรุงวอชิงตัน ดีซี และควบคุมสำนักตำรวจของกรุงวอชิงตัน ดีซี ให้มาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง อาศัยอำนาจตามกฏหมายปกครองตนเองของเขตปกครองโคลัมเบีย เพื่อต่อสู้กับสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น “คลื่นแห่งความไร้กฎหมาย” และว่าในตอนนี้ กรุงวอชิงตัน ดีซี กำลังถูกยึดครองโดย “กลุ่มอาชญากรที่ก่อความรุนแรงและกระหายเลือด” ถือเป็นอีกครั้ง ที่ทรัมป์ส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิไปประจำการบนดินแดนของสหรัฐฯเอง หลังจากเคยส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 2,000 นาย ไปช่วยควบคุมการชุมนุมประท้วงและเหตุความไม่สงบที่เป็นผลจากการปราบปรามผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฏหมาย ที่เทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทรัมป์อ้างว่า ปัญหาอาชญากรรมในกรุงวอชิงตัน ดีซี ถือว่ารุนแรงและน่าเป็นห่วงจนหยุดไม่อยู่ แม้จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี จะชี้ว่า สถิติอาชญากรรมรุนแรงในพื้นที่ลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]

คาดนายกฯ อินเดียจะพบ ‘ทรัมป์’ ที่สหรัฐเดือนหน้า

นิวเดลี 13 ส.ค. (รอยเตอร์) – หนังสือพิมพ์อินเดียน เอ็กซ์เพรส (Indian Express) ของอินเดียรายงานวันนี้อ้างแหล่งข่าวว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย มีแนวโน้มที่จะเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ในระหว่างการเยือนสหรัฐในเดือนหน้า เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ อินเดียน เอ็กซ์เพรส รายงานว่า แม้เหตุผลหลักของการเยือนครั้งนี้ของนายโมดี คือการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก แต่ยังมีเป้าหมายสำคัญคือการเจรจากับนายทรัมป์ เพื่อแก้ไขปัญหาการค้าและภาษีที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเริ่มตึงเครียด รายงานข่าวเรื่องความเป็นไปได้ในการเยือนสหรัฐของนายโมดีเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่นายทรัมป์ประกาศเก็บภาษีอินเดียเพิ่มเติมร้อยละ 25 เพื่อลงโทษรัฐบาลนิวเดลีที่ยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย การเก็บภาษีเพิ่มเติมนี้ทำให้ภาษีรวมของสินค้าอินเดียที่ส่งออกไปยังสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 50 ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในบรรดาคู่ค้าของสหรัฐ การเจรจาการค้าระหว่างอินเดียกับสหรัฐมีอันต้องล่มลง หลังจากเจรจากันมา 5 รอบ เนื่องจากมีความเห็นไม่ตรงกันในประเด็นการเปิดตลาดภาคการเกษตรและปศุสัตว์ขนาดใหญ่ของอินเดีย และการยุติการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย.-813.-สำนักข่าวไทย

‘ปูติน’ หารือทางโทรศัพท์กับ ‘คิม จองอึน’

มอสโก 13 ส.ค. – ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยในวันอังคารว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาที่ผู้นำรัสเซียมีกำหนดจะพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่รัฐอะแลสกา ในสัปดาห์นี้ สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือ ได้รายงานข่าวการสนทนาของผู้นำทั้งสอง แต่ไม่ได้กล่าวถึงกำหนดการที่นายปูตินจะพบกับนายทรัมป์ในวันศุกร์ สำนักข่าวเคซีเอ็นเอระบุว่า นายคิมและนายปูติน ได้หารือเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศภายใต้ข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ได้ลงนามไปเมื่อปีที่แล้ว เพื่อยืนยันเจตจำนงในการเสริมสร้างความร่วมมือในอนาคต ในระหว่างการสนทนา นายปูตินได้แสดงความขอบคุณเรื่องความช่วยเหลือของเกาหลีเหนือในการ “ปลดปล่อย” ภูมิภาคเคิร์สก์ทางตะวันตกของรัสเซียในสงครามกับยูเครน และชื่นชม “ความกล้าหาญ ความเก่งกาจ และจิตวิญญาณแห่งการเสียสละที่เห็นได้จากเจ้าหน้าที่กองทัพประชาชนเกาหลี หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ประเมินว่า เกาหลีเหนือได้ส่งทหารกว่า 10,000 นาย ไปสนับสนุนปฏิบัติการของรัสเซียทางตะวันตกของประเทศในการรบกับยูเครน และเชื่อว่ากำลังวางแผนที่จะส่งกำลังพลเพิ่มเติมอีกด้วย.-813.-สำนักข่าวไทย

พายุไต้ฝุ่น ‘โพดุล’ จ่อเข้าไต้หวัน

ไทเป 13 ส.ค. – พื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนใต้และตะวันออกของไต้หวัน ประกาศปิดพื้นที่ในวันนี้และมีการยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว เพื่อเตรียมรับมือกับพายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (Podul) ที่กำลังจะพัดเข้าสู่ไต้หวัน ในช่วงบ่ายของวันนี้ ในขณะที่มีการอพยพประชาชนหลายพันคน เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศระบุว่า พายุไต้ฝุ่นโพดุลซึ่งมีความรุนแรงระดับกลาง มีความเร็วลมกระโชกแรงถึง 191 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองไถตง (Taitung) ทางตะวันออกเฉียงใต้ และคาดว่าจะขึ้นฝั่งใกล้เคียงในช่วงบ่ายวันนี้ ข้อความแจ้งเตือนที่ส่งไปยังผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในบางพื้นที่ของเมืองไถตงเมื่อช่วงเช้าวันพุธ ระบุว่าคาดว่าจะมีลมพายุรุนแรงมาก ให้ประชาชนหาสถานที่หลบภัยโดยเร็วที่สุด และเตือนประชาชนถึงลมกระโชกแรงที่เกิน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เมืองและเทศมณฑล 9 แห่ง ประกาศระงับการทำงานและการเรียนการสอนในวันพุธ รวมถึงเมืองสำคัญทางตอนใต้อย่างเกาสง (Kaohsiung) และไถหนาน (Tainan) ส่วนในกรุงไทเป ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดการเงินของไต้หวัน ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ รัฐบาลระบุว่ามีการอพยพประชาชนกว่า 5,500 คนก่อนที่พายุไต้ฝุ่นจะมาถึง กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมด 252 เที่ยวถูกยกเลิกในวันนี้ ในขณะที่เที่ยวบินระหว่างประเทศ 129 เที่ยว ก็ถูกยกเลิกเช่นกัน สายการบินระหว่างประเทศหลัก 2 แห่งของไต้หวัน ได้แก่ […]

รถไฟยูเนียนแปซิฟิกตกรางในรัฐเท็กซัส

เท็กซัส 13 ส.ค. – บริษัทรถไฟยูเนียนแปซิฟิก (Union Pacific Railroad) แจ้งว่า รถไฟของบริษัทตกรางห่างจากเมืองกอร์ดอน รัฐเท็กซัส ไปทางตะวันออกประมาณ 3.2 กิโลเมตร เมื่อวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น แถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า รถไฟยูเนียนแปซิฟิกประมาณ 35 ตู้ตกราง เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันอังคารตามเวลาในสหรัฐ หรือ ตรงกับ 20.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย สำนักข่าวเอบีซ๊ นิวส์ (ABC News) ซึ่งเป็นผู้รายงานข่าวนี้เป็นรายแรกระบุว่า รถไฟขบวนดังกล่าวอาจบรรทุกวัตถุอันตราย อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเมืองพาโลพินโต (Palo Pinto Fire Department) กำลังดำเนินการควบคุมเพลิง ทางบริษัทยูเนียนแปซิฟิกระบุว่า ได้มีการส่งทีมงานเพิ่มเติมไปยังที่เกิดเหตุแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

เซอร์เบียเผชิญภัยแล้งรุนแรงจนปศุสัตว์ล้มตาย

เบลเกรด 13 ส.ค. – หลายพื้นที่ของเซอร์เบียประสบปัญหาภัยแล้งยาวนานและคลื่นความร้อน ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ปศุสัตว์จำนวนมากเริ่มล้มตาย พืชผลทางการเกษตรขาดน้ำ ภัยแล้งที่ยาวนานและความร้อนอบอ้าวจากคลื่นความร้อนรุนแรงแผ่ปกคลุมกำลังส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน เกษตรกร สัตว์เลี้ยง และพืชผลทางการเกษตร ในบริเวณภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ของเซอร์เบีย หลังพบว่าปศุสัตว์จำนวนมากเริ่มล้มตาย โดยฝนทิ้งช่วงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำ ไฟป่า และการหยุดชะงักของภาคเกษตรกรรมในพื้นที่ตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่าน ซึ่งรวมถึงมอนเตเนโกร บอสเนีย แอลเบเนีย โคโซโว และนอร์ทมาซิโดเนีย เจ้าของปศุสัตว์ที่นำวัวและม้าไปกินหญ้าที่ภูเขาซูวา พลานินา หรือภูเขาแห้งของเซอร์เบียบอกว่า อากาศร้อนมากทำให้แหล่งน้ำเหือดแห้งเร็วเกินไปในปีนี้ เจ้าของปศุสัตว์อีกคนบอกว่า ไม่มีน้ำสักหยดเดียว สัตว์ที่เลี้ยงไว้เริ่มตายแล้ว วัวและม้ากระหายน้ำประมาณ 1,000 ตัวเดินไปมาอยู่รอบๆ แอ่งน้ำและน้ำพุหลายแห่ง เพื่อดื่มน้ำที่พอหาได้ แม้ว่าจะทั้งสกปรกและแห้งขอด โดยในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้รับการแจ้งเตือนจากเจ้าของปศุสัตว์ จึงขับรถบรรทุกน้ำขึ้นไปบนทุ่งหญ้าในเขตภูเขาซูวาพลานินา เติมน้ำในบ่อ และสัญญาว่าจะส่งน้ำมาเพิ่มอีก เมื่อวานนี้ อุณหภูมิในเซอร์เบียอยู่ที่ประมาณ 35 องศาเซลเซียส และเกิดไฟป่าหลายแห่งที่กำลังลุกลาม สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของเซอร์เบียพยากรณ์ว่า เซอร์เบียอาจกลับมามีฝนตกเป็นระยะในช่วงปลายเดือนนี้ แต่อาจไม่เพียงพอที่จะเติมน้ำในแม่น้ำ ทะเลสาบ และลำธารเล็ก ๆ ที่จำเป็นต่อการเลี้ยงปศุสัตว์ ขณะที่ข้อมูลพบว่าหลายประเทศในคาบสมุทรบอลข่าน ฝนทิ้งช่วงมานานกว่า […]

1 6 7 8 9 10 5,529
...