อ.อ๊อด ชี้ Cocaethylene ไม่เกี่ยวกับโคเคนทางทันตกรรม

กรุงเทพฯ 30 ก.ค.-อ.อ๊อด ชี้ Cocaethylene ที่ตรวจพบในเลือดเกิดจากการเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์ ไม่เกี่ยวกับโคเคนรักษาฟัน หลังพนักงานสอบสวนคดี “บอส” แจงเหตุไม่แจ้งข้อหายาเสพติด เพราะทันตแพทย์ยันสารโคเคนเกิดจากยารักษาฟัน ภายหลังคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานกรรมาธิการฯ แถลงผลการเชิญพนักงานสอบสวน ชี้แจงคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ซึ่งกรรมาธิการฯ ได้ซักถามในประเด็นการตั้งข้อหาของพนักงานสอบสวน 5 ข้อกล่าวหา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ โฆษกกรรมาธิการ เปิดเผยว่า ข้อสงสัยสำคัญที่กรรมาธิการได้ซักถามพนักงานสอบสวนคือเหตุใดไม่มีการแจ้งข้อหาพบสารแปลกปลอมที่เกิดจากยาเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหาทั้งที่มีผลตรวจทางนิติเวชวิทยายืนยันจากการตรวจเลือดของนายวรยุทธ โดยพนักงานสอบสวนได้ให้เหตุผลที่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาในคดีนี้ว่า มีทันตแพทย์ยืนยันว่าได้ให้ยาที่มีส่วนผสมของโคเคนในการรักษาทำฟัน ซึ่งเมื่อดื่มแอลกอฮอร์เข้าไปผสมจะทำให้เกิดสารแปลกปลอมดังกล่าวในร่างกาย ทำให้ไม่สั่งฟ้องเรื่องสารเสพติด ล่าสุด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “Cocaethylene ที่ตรวจพบในเลือดเกิดจากการเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์ ไม่เกี่ยวกับโคเคนรักษาฟัน” และชี้ว่า “โคเคนที่ใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ใช้ในงานทันตกรรม คือ คือ Lidocaine หมอใช้ปริมาณน้อย ต่างจากตัวที่ตรวจพบในเลือด”.-สำนักข่าวไทย

ขยายเวลาผู้ประกอบการแพ็กเกจ “กำลังใจ” ถึง 5 ส.ค.

กรุงเทพฯ 30 ก.ค.- แพ็กเกจ “กำลังใจ” ขยายเวลาผู้ประกอบการถึง 5 สิงหาคม “พิพัฒน์” รมว.ท่องเที่ยวฯ ย้ำใช้งบเงินแผ่นดินให้คุ้มค่าที่สุด การประชุมและแถลงความคืบหน้าโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ภาคการท่องเที่ยว แพ็กเกจ “กำลังใจ” โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าเดินทางของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รวม 1.2 ล้านคน คิดเป็นวงเงิน 2,400 ล้านบาท นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องการตอบแทนและให้กำลังใจบุคคลากรที่ทำงานกันอย่างหนักในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ประสบภาวะหยุดชะงักในช่วงที่ผ่านมากลับมามีรายได้อีกครั้ง ในส่วนของพี่น้อง อสม. ลงทะเบียนและดูรายละเอียดเส้นทางท่องเที่ยวในเว็บไซต์ “www.เที่ยวปันสุข.ไทย” โดยจะเริ่มต้นเดินทางตั้งแต่ 31 ก.ค.นี้ ส่วนประเด็นที่บริษัทนำเที่ยว ที่เข้าร่วมโครงการ มีผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนเพียง 986 รายจากทั้งหมดกว่า 10,000 รายนั้น เนื่องจากบริษัทที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องผ่านการตรวจสอบเอกสารหลักฐานยืนยันต่างๆ ให้ครบถ้วน จากทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ว่าเป็นบริษัทที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ส่วนที่มีการตรวจเข้ม เนื่องจากเงินจำนวนนี้ที่นำมาใช้ในโครงการ เป็นส่วนหนึ่งจากงบประมาณแผ่นดิน พ.ร.ก.เงินกู้ จึงต้องมีการใช้อย่างระมัดระวัง และจากการประชุมหารือร่วมกันได้ข้อสรุปเบื้องต้นจะขยายเวลาถึง […]

แอปพลิเคชัน “Siriraj Connect” พบหมอง่ายแค่ปลายนิ้ว

โรงพยาบาลศิริราช ให้บริการทางการแพทย์แบบใหม่ หรือ OPD New Normal ใช้แอปพลิเคชัน Siriraj Connect และ Line ลดความแออัด เสริมระยะห่างทางสังคม

เปิดประสบการณ์ชีวิตช่วงวิกฤติโควิด-19 ตอน 4 (จบ)

แม้แพทย์จะยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่หายป่วยมีโอกาสน้อยมากที่จะแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น แต่สังคมส่วนใหญ่ยังตื่นกลัวและรังเกียจ ทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

นร.ร้องศาลปกครองเพิกถอนระเบียบทรงผม มองละเมิดสิทธิ

นักเรียนกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทร้องศาลปกครอง ขอเพิกถอนกฎกระทรวง-ระเบียบทรงผม เพราะละเมิดสิทธิร่างกาย

จ่อออกหมายจับทีมสังหารโหดยิงดับ 3 ศพ พัทลุง

ตำรวจเตรียมออกหมายจับทีมสังหารโหด 3 ศพ ขณะที่มีการเผยภาพนาทีสังหารโหดอย่างใจเย็น ใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 3 นาที ท่ามกลางผู้คนสัญจรบนถนนหน้าธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาท่ามิหรำ อ.เมืองพัทลุง

วงจรปิดเผยภาพอุบัติเหตุทำพยานคดีบอสดับ

สำนักข่าวไทย 30 ก.ค. 63 – ตร.เผยภาพกล้องวงจรปิด 1 ใน 2 พยานปากเอกพลิกคดีบอส อยู่วิทยา เสียชีวิตกะทันหัน ถูกมอเตอร์ไซด์เกี่ยวจนล้ม ล่าสุดคู่กรณีหนีออกจากโรงพยาบาล พันตำรวจเอกรณชัย รอดลอย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและจำลองเหตุการณ์ลักษณะเกิดเหตุ คดีที่นายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี ชาวอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย 1 ใน 2 พยานปากสำคัญ พลิกคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์  เมื่อเวลาประมาณตี 1 พบว่าก่อนจะมาถึงจุดเกิดเหตุ ผู้ตายไปดื่มเหล้า และขับรถจักรยานยนต์ ส่วนคู่กรณีคือนายสมชาย ตาวิโน ขับรถจักรยานยนต์เช่นกัน ทั้ง 2 ขับรถมาตามถนนนิมมานเหมินทร์ เลี้ยวเข้าถนนห้วยแก้ว มุ่งหน้าไปยังคูเมือง ระหว่างทางขับรถตีคู่กันมา และพูดคุยกันในลักษณะคล้ายคนรู้จักกัน  กระทั่งก่อนถึงสามแยกฟ้าธานี บริเวณหน้าทางเข้าร้านสุคนธาหมูกระทะ รถคู่กรณีเฉี่ยวชนท้ายรถนายจารุชาติ ก่อนที่นายจารุชาติจะแฉลบเสียหลักไปชนกับขอบถนน  หลังเกิดเหตุ […]

วธ.เปิดตัวโครงการแปลหนังสือวรรณคดีและวรรณกรรมแห่งชาติอาเซียนฯ

กระทรวงวัฒนธรรม เปิดโครงการแปลหนังสือ วรรณคดีและวรรณกรรมแห่งชาติอาเซียนฯ คัดเลือกเรื่องดังและมีคุณค่าทางวัฒนธรรม กว่า 130 เรื่อง จาก 9 ประเทศอาเซียนมาให้คนไทยได้อ่าน

ยังไม่มีงานวิจัยยืนยัน “จิบน้ำขมิ้นชันป้องกันมะเร็ง”

กรมการแพทย์ 30ก.ค.-ตามที่มีข่าวปรากฏผ่านสื่อ “จิบน้ำขมิ้นชันป้องกันมะเร็ง” สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ตรวจสอบข้อมูลวิชาการพบข้อเท็จจริง คือยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าน้ำขมิ้นชันช่วยป้องกันมะเร็ง นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขมิ้นชัน (Curcuma longa L.) เป็นพืชสมุนไพรนิยมใช้เป็นเครื่องเทศสำหรับแต่งรสและสีผสมอาหาร ขมิ้นชันมีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและอาจมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งผิวหนัง ซึ่งผลการศึกษานี้เป็นเพียงผลวิจัยในระดับเซลล์และสัตว์ทดลอง อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานวิจัยที่ทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าสารนี้ช่วยป้องกันหรือรักษามะเร็ง นอกจากนี้การดื่มน้ำขมิ้นชันอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการป้องกันมะเร็ง หากประชาชนยังคงมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือรับประทานอาหารที่อาจปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ขมิ้นชันมีหลายรูปแบบ เช่น เหง้าสด เหง้าแห้ง ผง แคปซูล ยาเม็ด ยาทาผิวหนัง และเครื่องดื่มชาขมิ้นชัน แม้ว่าจะเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไปเพราะอาจส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนรับประทาน .-สำนักข่าวไทย

เปิดเวทีเสวนา “แก้ปัญหาความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน”

สธ.30 ก.ค.-โฆษกอัยการย้ำพฤติกรรมตีกัน ก่อเหตุรุนแรงในโรงพยาบาล ไม่ค้านแก้กฎหมายเพิ่มโทษ แต่สามารถใช้การบรรยายพฤติกรรมให้ศาล ลงโทษสูงสุดได้ โดยภาพจากกล้องวงจรปิด คลิปคือหลักฐานชั้นดี ในการเสวนา “แนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในห้องฉุกเฉินสถานพยาบาล” จัดโดยกระทรวงสาธารณสุข แพทยสภา และสภาการพยาบาล โดยมีอัยการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และบุคลากรสาธารณสุข ร่วมรับฟัง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการประกาศนโยบายและทิศทางการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสถานพยาบาล ว่า ตอนเข้ารับตำแหน่ง มองเพียงว่าเป็นหน่วยงานให้การรักษา ปลดทุกข์ประชาชน แต่ไม่เคยคิดในมิติที่จะมีคนเข้ามาสร้างความรุนแรงในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ผู้บริหารโรงพยาบาลนั้นๆ ต้องหามาตรการ การบริหารจัดการ ผู้บริหารโรงพยาบาลต้องมีวิธีการป้องกัน สร้างความเข้าใจ และประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ส่วนตัวแล้วไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปี 2562 สงกรานต์ตีกันเยอะ มีการวิเคราะห์ข้อมูล และมีมาตรการ วางแผนผู้บริหารให้ความสำคัญ ดูแล สอดส่องความเรียบร้อย ปรับปรุงมาตรฐานห้องฉุกเฉินตามมาตรการที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กำหนด การแยกส่งผู้ป่วย และประสานการทำงานใกล้ชิดกับตำรวจ อัยการ […]

1 1,133 1,134 1,135 1,136 1,137 5,611
...