เผยผลสำรวจผลกระทบโควิดทำรายได้ประชากรลด-หนี้เพิ่ม

กทม. 23 พ.ย.63 – สกสว. เผยผลสำรวจหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มอยู่ในเชิงบวก พบคนว่างงานน้อยลง แต่แรงงานกลุ่มเจนเอ็กซ์ และเจนวาย วัย 25 – 55 ปี รายได้ลด และมีหนี้เพิ่ม ผศ.ดร.สุกานดา เหลืองอ่อน ลูวิส  ผู้อำนวยการภารกิจการวิเคระห์สถานการณ์ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานวิจัยโครงการ “ศึกษาผลกระทบ มาตรการ และโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีจากการระบาดของโรคโควิด 19”  ซึ่งผลการวิจัยในชุดโครงการนี้  สกสว. จะนำไปพัฒนาโปรแกรมวิจัยที่ 17 การแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ ในแผนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (แผน ววน.) ดร. สมชัย จิตสุชน  นักวิจัยจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย  (ทีดีอาร์ไอ)  กล่าวว่า ข้อมูลจากโครงการศึกษาผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจจากสถานการณ์การระบาดของโควิด – 19 : กลไกการรับมือ มาตรการช่วยเหลือ และวางแผนระยะยาว ซึ่งงานวิจัยนี้มุ่งเน้นการประมวลผลกระทบเชิงสังคมจากโควิด-19 เพื่อนำไปสู่การพัฒนานโยบายและสื่อสารข้อมูลสู่สาธารณชน   ทั้งนี้จากการสำรวจผลกระทบจากโควิด 19 ทางด้านเศรษฐกิจพบว่า ประชากร ร้อยละ 73.2 มีรายได้ลดลงหลังเกิดการระบาด โดยร้อยละ 39.9 มีรายได้ลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง ผู้มีการศึกษาต่ำมีความเสี่ยงที่รายได้ลดมากกว่าผู้มีรายได้สูง ประชากรร้อยละ 8 ย้ายที่อยู่ระหว่างการระบาด คาดว่าย้ายกลับภูมิลำเนาร้อยละ 16.2 (ไม่รวมกลุ่มข้าราชการและพนักงานของรัฐ)   มีบุคคลกลายเป็นคนว่างงาน ร้อยละ 1.7  โดยออกจาก แรงงานรับจ้างทั่วไปหรือที่ทำงานแบบไม่ประจำมากสุด  ด้านผู้ประกอบการต่างปิดตัวลง ซึ่งมีเพียงร้อยละ 65 เท่านั้นที่ยังคงเปิดกิจการต่อ มีจำนวนลูกจ้างเกิน 10 คน  ขณะที่คนเคยว่างงานหรืออยู่นอกกำลังแรงงานจำนวนหนึ่งต้องพยายามกลับมาหางานทำกว่าร้อยละ 70 ถูกกระทบจากโควิดในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น ถูกพักงาน เลิกจ้าง ยอดขายลดลง หรือปิดกิจการ และทุกมาตรการปิดเมืองมีผลกระทบต่อการทำมาหากิน ส่วนผลกระทบด้านสังคม ประชากร ร้อยละ 49 มีความวิตกกังวลถึงผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตทั้งความไม่สะดวกในการเดินทาง และความไม่สะดวกในการรับบริการทางการแพทย์กรณีเจ็บป่วย  ร้อยละ 46 ของครัวเรือนที่มีเด็กวัยเรียน ตอบว่าไม่พร้อมที่จะเรียนระบบออนไลน์ เนื่องจากไม่มีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก,แท็บเล็ต เหตุผลรองลงมา เนื่องจากผู้ปกครองไม่มีเวลาในการช่วยเหลือบุตรหลานในการเรียนออนไลน์ สำหรับประเด็นการว่างงานจากการปิดเมือง ผลการสำรวจช่วงที่ 1 เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทั่วประเทศไทยมีคนที่ตกงานหลังสถานการณ์โควิด ประมาณ 5.69 ล้านราย เยาวชนอายุ 15 – 24 ปี หรือกลุ่มเจน และผู้ทำอาชีพรับจ้างทั่วไปไม่ประจำ (ลูกจ้างรายวัน/ผู้รับเหมาช่วง) เป็นกลุ่ม เป็นผู้เสี่ยงตกงานมากที่สุดจากการปิดเมือง ผลการสำรวจครั้งที่ 2 ในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม  2563  พบว่าสัดส่วนคนว่างงานน้อยลงเหลือประมาณ 3.4 ล้านราย แต่พบแผลเป็นทางเศรษฐกิจ คือ บัณฑิตจบใหม่เป็นผู้ว่างงานเป็นระยะเวลานานจนสูญเสียทักษะคนวัยทำงานเต็มตัว กลุ่มเจนเอ็กซ์ (40 – 55 ปี) และ เจนวาย  (25 – 39 ปี) เป็นผู้มีรายได้ลดลง แต่หนี้สินครัวเรือนเพิ่ม ทำให้การขยับสถานะทางสังคมเป็นไปได้ยากขึ้น รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีทดแทนแรงงานในกระบวนการผลิตหรือการให้บริการรวดเร็วขึ้น ,เด็กนักเรียนขาดการเรียนหรือการได้รับโภชนาการที่เหมาะสม เกิดความความเหลื่อมล้ำในทุนมนุษย์ ลดศักยภาพในการขยับสถานะระหว่างรุ่น การสร้างงานและส่งเสริมศักยภาพแรงงานในระยะยาว   โดยสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแก้ไข นักศึกษาจบใหม่ปีการศึกษา 2563 จำนวน  5 แสนคน สุ่มเสี่ยงที่จะเป็นผู้ว่างงาน โครงการต่างๆ ที่ช่วยเหลือ อาจจะรับรองได้ไม่หมด ด้าน ผศ.ดร. บุญเลิศ วิเศษปรีชา  นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยข้อมูลจากการศึกษาเรื่อง “ผลกระทบของโควิด 19 ต่อชีวิตของกลุ่มคนไร้บ้านและคนจนเมือง” จากกลุ่มตัวอย่างคนไร้บ้านจำนวน 137 คน พบว่าโจทย์สำคัญสำหรับสวัสดิการสังคมหลังโควิด 19 คือ 1.ควรมีฐานข้อมูลแรงงานนอกระบบที่ครอบคลุมทันสมัย 2. ควรพัฒนาระบบสวัสดิการให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ เช่น การมีรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า หรือ UBI  และมีบำนาญถ้วนหน้าหรือไม่ อย่างไร เนื่องจากประกันสังคมมาตรา 40 ยังไม่จูงใจคนเข้าร่วม 3. ควรทำให้แรงงานนอกระบบเข้าถึงสินเชื่อต้นทุนต่ำ  เนื่องจากเรื่องกองทุนหมุนเวียนในชุมชนยังมีถูกหยิบยกมากล่าวถึงในช่วงโควิด นอกจากนี้ความท้าทายด้านสวัสดิการของประเทศไทย สำหรับคนไร้บ้านในสถานการณ์โควิด19 คือ สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งมีข้อกัดหลายประการ เช่น อยู่ไกลผู้รับบริการส่วนใหญ่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต ศูนย์ที่พักทางเลือกโดยองค์กรพัฒนาเอกชน เช่น มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย มีการจัดการยืดหยุ่นกว่า มีข้อดีด้านความสะดวกในการเข้าถึง  จึงอาจต้องมีมาตรการแก้ไขช่องว่างนี้ อย่างไรก็ตามโครงการ “ศึกษาผลกระทบ มาตรการ และโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีจากการระบาดของโรคโควิด 19”  มีชุดโครงการประกอบด้วย 7 โครงการวิจัย คือ 1.ผลกระทบของโควิด 19 ต่อชีวิตของกลุ่มคนไร้บ้านและคนจนเมือง  2.การศึกษาผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ จากสถานการณ์การระบาดของ โควิด 19 : กลไกการรับมือ มาตรการช่วยเหลือ และวางแผนระยะยาว 3.การเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม หลังวิกฤตโควิด19 4.บทเรียนการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่และปัญญาประดิษฐ์เพื่อการควบคุมโรคและแนวโน้มการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีหลังวิกฤตโควิด 19  5.ความจำเป็นต้องจ้างแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย 6.โครงการ Social Monitoring สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย  7.โครงการศึกษาพลวัตของความเหลื่อมล้ำในมิติรายได้และการบริโภคของครัวเรือนไทยและพลวัตของโครงสร้างของตลาดแรงงานไทยใน 3 ทศวรรษ .-สำนักข่าวไทย

กินอยู่ปลอดภัย : “งดใช้..พลาสติกครั้งเดียวทิ้ง-โฟม ในอุทยานแห่งชาติ”

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 23 พ.ย.- การท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นหนึ่งในพื้นที่ในฝันของนักท่องเที่ยว แต่เที่ยวอย่างไร เพื่อไม่รบกวนเจ้าของพื้นที่ ไปติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

ขยายโรงพยาบาลรับมือโรค

ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกผนึกเอกชน ขยายบริการด้านการรักษา เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ครอบคลุมผู้ป่วยทุกกลุ่ม หวังลดภาระงานงานโรงพยาบาลขนาดใหญ่ พร้อมตั้งเป้าให้เป็นโรงเรียนแพทย์ที่สำคัญของมหาวิทยาลัยมหิดล

“สมศักดิ์” ไม่หวั่นคนมอง ยธ.ติดลบ

กรุงเทพฯ 23 พ.ย.-“สมศักดิ์” มอบฝ่ายกฏหมายแจ้งความกลับ “อัจฉริยะ” ไม่หวั่นคนมองกระทรวงยุติธรรมติดลบ เชื่อผลงานจะพิสูจน์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวถึงกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาร่วมกันแถลงข่าวอันเป็นเท็จก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการในการจับสารเคตามีนที่โกดัง จ.ฉะเชิงเทรา น้ำหนัก 11.5ตัน มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทแต่ตรวจสอบภายหลังพบว่าเป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต ว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบอยู่ ซึ่งตนเองยังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมดที่ถูกแจ้งความ ส่วนที่นายอัจฉริยะ ตั้งข้อสงสัยความผิดปกติในการเก็บรักษาของกลางนั้น ส่วนตัวไม่ทราบว่าใครสามารถเซ็นกำกับของกลางเพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายได้บ้าง เรื่องนี้ต้องไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่ององค์ความรู้ แต่รัฐมนตรีก็มีหน้าที่แค่มอบนโยบาย ไม่น่าจะมีอำนาจในการเซ็นกำกับของกลาง ส่วนข้อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อสังคม จะกอบกู้ภาพลักษณ์การทำงานอย่างไร รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ส่วนตัวไม่หวั่นเพราะเข้าใจว่าทุกคนตั้งใจทำงานกันทุกฝ่าย แม้คนอื่นอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไม่ดีและกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร แต่ส่วนตัวคิดว่าสุดท้ายแล้วความจริงจะพิสูจน์ให้เห็นจนกลายเป็นเรื่องที่ดีได้ “คนอื่นอาจมองว่าเป็นเรื่องร้ายที่กระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร แต่ผมคิดว่าสุดท้ายแล้วจะพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนจนกลายเป็นเรื่องที่ดีได้เพราะแนวทางการจับยาเสพติดและการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดไม่เหมือนกัน ซึ่งเรากำลังดำเนินนโยบายยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรยาเสพติด โดยจะเป็นประโยชน์ในการปราบปรามการค้ายาเสพติดอย่างมาก” นายสมศักดิ์ กล่าว รายงานข่าว ระบุว่าขณะนี้นายสมศักดิ์ มอบหมายให้ทีมกฎหมายรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะและเตรียมแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จ จริงกรณีที่ถูกแจ้งความในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้(24พ.ย.).-สำนักข่าวไทย

คร.แจงสอบสวนโรคแรงงานชาวเมียนมา

รร.ริชมอนด์ 23 พ.ย.-รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค เผยการสอบสวนโรคแรงงานชาวเมียนมา ผลตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันยังไม่ชัด ทั้ง IgM IgG เนื่องจากมีภาวะซีด นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการสอบสวนโรคในผู้ป่วยแรงงานและนักเรียนชาวเมียนมาว่า ในส่วนของแรงงานชาวเมียนมา ผลการสอบสวนโรคทราบว่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทย นานแล้ว จึงคาดว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อภายในประเทศแต่อาจเป็นการติดแนวชายแดน หรือติดจากเพื่อนชาวเมียนมา แต่ในศูนย์อพยพที่อยู่ค่อนข้างรัดกุมพอสมควร ได้มีการประสานกระทรวงมหาดไทย องค์กรนานาชาติ ที่ร่วมดูแลพื้นที่ดังกล่าวให้เข้มงวดแล้ว ส่วนอาการป่วยของแรงงานคนดังกล่าว พบว่าอาการทางระบบทางเดินหายใจ มีน้อยจึงคาดว่าไม่น่าจะมีการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ผู้สัมผัสใกล้ชิดที่เกี่ยว ข้อง 99 คน พบว่า ผลก็พบลบ แต่เนื่องจาก ผู้ป่วยมีอาการซีด ทำให้ผลเลือดระบบภูมิคุ้มกัน ยังไม่ชัดเจน ทั้ง IgM IgG และจากการสอบประวัติเบื้องต้น พบว่า ผู้ป่วยชาวเมียนมารายนี้ ส่วนใหญ่ของในพื้นที่ป่าเขา ทำให้ไม่ได้มีโอกาสติดต่อภายนอก ประกอบกับผลการตรวจ ไซเคิลไทม์ของผู้ป่วย ในการแบ่งเซลล์ของเชื้อพบในปริมาณมาก เบื้องต้นสันนิษฐานว่า น่าจะมีการติดเชื้อมานานแล้ว และไม่แพร่สู่คนอื่น แต่ยังต้องรอผลการตรวจหาเชื้อที่ชัดเจน โดยคาดว่า อาจติดมาจากชายแดน หรือเพื่อนชาวเมียนมา นพ.โอภาส กล่าวว่า […]

คืบหน้าถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีนโควิด

บอร์ดสยามไบโอไซเอนซ์ คาดได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิดได้จริง หลังบริษัทแม่ผลิตวัคซีนสำเร็จไปแล้ว 5-6 เดือน และกำลังการผลิตได้จริง 20 ล้านโดส พร้อมระบุเงื่อนไขต้องช่วยเหลือกลุ่มประเทศอาเซียน

“นพ.เกียรติ” ตัดพ้องบฯ พัฒนาวัคซีน

“นพ.เกียรติ” ตัดพ้อ งบพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ได้มากะปริดกะปรอย แม้ได้รับวงเงินแต่ก็ทยอยมา ทำให้จัดสรรลำบาก พร้อมแจงผลวัคซีนทั่วโลก คาดเข้าวินผลิตวัคซีนต้านโรคได้แน่ 2 บริษัทก่อน

จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส รีบพบแพทย์

สธ.23 พ.ย.- หลังเที่ยววันหยุดยาวป่วย “จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส” รีบพบแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย ทุกรายเป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ 5ราย และเข้ากักตัวในสถานที่รัฐกำหนด 2 ราย มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 5 ราย ทำให้ผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,766 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 96.07 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 94 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ ราย 2.4 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,920 ราย รายละเอียดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ ได้แก่ ชาวไทย 6ราย โดย […]

ทั่วโลกป่วยโควิดใกล้แตะ 59 ล้านราย

กรุงเทพฯ 23 พ.ย.-ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้ 7 รายมาจากต่างประเทศ ขณะที่ทั่วโลกจ่อแตะ 59 ล้านราย ประเทศไทยป่วยยืนยันสะสม 3,920 ราย ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานสถานการณ์การติดเชื้อ โควิด-19 ประจำวันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ว่า ผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,920 ราย หายป่วยแล้ว 3,766 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย เป็นคนไทย 6 ราย สัญชาติซีเรีย 1 ราย ทั้งหมดเดินทางมาจากต่างประเทศ จากเยอรมนี 1ราย เลบานอน 1 ราย เดนมาร์ก 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย สหราชอาณาจักร 1 […]

เขตสุขภาพที่ 9 ผู้ป่วยในไม่ต้องใช้ใบส่งตัว

กรุงเทพฯ 23 พ.ย.-เขตสุขภาพที่ 9 นครชัยบุรินทร์ ยืนยันความพร้อมนำร่องนโยบาย “ดูแลผู้ป่วยในไม่ใช้ใบส่งตัว” เป็นพื้นที่แรก รมว.สธ.ตั้งเป้าปี 65 วางระบบสมบูรณ์ทั่วประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า นโยบายดูแลผู้ป่วยโดยไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว นับเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง) ที่จะช่วยดูแลและเพิ่มความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยระบบมีขนาดใหญ่ ทำให้ต้องค่อยๆ เริ่มจากพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อน คือเขตสุขภาพที่ 9 (นครชัยบุรินทร์) ประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ นายอนุทิน กล่าวว่า ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ไปจนถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลต่างๆ ที่อยู่ในเขตสุขภาพที่ 9 ได้ยืนยันถึงความพร้อมในการดำเนินนโยบาย และเริ่มนำร่องบริการดูแลผู้ป่วยในโดยไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.63 เป็นต้นมา ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะให้การสนับสนุนและร่วมมือกับเขต 9 ในการเป็นพื้นที่นำร่อง ก่อนนำเอาจุดอ่อนจุดแข็งที่ได้กลับไปพัฒนาปรับปรุงและขยายผลต่อไป “จากเดิมประชาชนที่ต้องไปประกอบอาชีพทำงานอยู่ต่างพื้นที่จะเข้ารักษาที่ไหนก็ต้องลำบากกลับไปขอใบจากต้นสังกัด แต่จากนี้ไปจะสามารถรับบริการได้ทุกแห่งโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เกิดความสะดวกสบาย […]

ชี้แจงกินอาหารค้างคืนอุ่นซ้ำเสี่ยงเป็นมะเร็ง

กรมการแพทย์ชี้แจงกรณี “กินอาหารค้างคืนกลับมาอุ่นซ้ำเสี่ยงเป็นมะเร็ง” สถาบันมะเร็งฯ ตรวจสอบแล้วพบว่าการรับประทานอาหารค้างคืนกลับมาอุ่นซ้ำไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง

1 656 657 658 659 660 941
...