รร.ริชมอนด์ 23 พ.ย.-รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค เผยการสอบสวนโรคแรงงานชาวเมียนมา ผลตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันยังไม่ชัด ทั้ง IgM IgG เนื่องจากมีภาวะซีด
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการสอบสวนโรคในผู้ป่วยแรงงานและนักเรียนชาวเมียนมาว่า ในส่วนของแรงงานชาวเมียนมา ผลการสอบสวนโรคทราบว่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทย นานแล้ว จึงคาดว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อภายในประเทศแต่อาจเป็นการติดแนวชายแดน หรือติดจากเพื่อนชาวเมียนมา แต่ในศูนย์อพยพที่อยู่ค่อนข้างรัดกุมพอสมควร ได้มีการประสานกระทรวงมหาดไทย องค์กรนานาชาติ ที่ร่วมดูแลพื้นที่ดังกล่าวให้เข้มงวดแล้ว
ส่วนอาการป่วยของแรงงานคนดังกล่าว พบว่าอาการทางระบบทางเดินหายใจ มีน้อยจึงคาดว่าไม่น่าจะมีการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ผู้สัมผัสใกล้ชิดที่เกี่ยว ข้อง 99 คน พบว่า ผลก็พบลบ แต่เนื่องจาก ผู้ป่วยมีอาการซีด ทำให้ผลเลือดระบบภูมิคุ้มกัน ยังไม่ชัดเจน ทั้ง IgM IgG และจากการสอบประวัติเบื้องต้น พบว่า ผู้ป่วยชาวเมียนมารายนี้ ส่วนใหญ่ของในพื้นที่ป่าเขา ทำให้ไม่ได้มีโอกาสติดต่อภายนอก ประกอบกับผลการตรวจ ไซเคิลไทม์ของผู้ป่วย ในการแบ่งเซลล์ของเชื้อพบในปริมาณมาก เบื้องต้นสันนิษฐานว่า น่าจะมีการติดเชื้อมานานแล้ว และไม่แพร่สู่คนอื่น แต่ยังต้องรอผลการตรวจหาเชื้อที่ชัดเจน โดยคาดว่า อาจติดมาจากชายแดน หรือเพื่อนชาวเมียนมา
นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนการสอบสวนโรคนักเรียนหญิงชาวเมียนมามีความชัดเจนว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อมาจากฝั่งเมียนมา เพราะว่าเป็นลูกครึ่งไทย-เมียนมาและมีประวัติเดินทางไปเมียนมามาก่อน ส่วนเรื่องของแนวทางการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ ต้องทำความเข้าใจว่า ขณะนี้ปริมาณยาในไทยที่สต๊อกไว้ยังมีปริมาณมากอยู่ประมาณ 6-7 แสนเม็ดและยังติดสิทธิบัตร ประกอบกับไทยมีผู้ป่วยน้อย จึงเชื่อว่าไม่มีความจำเป็นต้องเร่งผลิตเพิ่ม และขณะนี้ก็มียาฟาวิพิราเวียร์ที่ได้จากการบริจาค หมดอายุในต้นปีหน้า ประมาณ 1-2 หมื่นเม็ด.-สำนักข่าวไทย