แม่หลั่งน้ำตา รู้ข่าวลูกชายพลีชีพในสนามรบ

บุรีรัมย์ 29 ก.ค. – เจ้าหน้าที่แจ้งข่าวร้ายลูกชายเสียชีวิตในสนามรบที่ จ.ศรีสะเกษ ผู้เป็นแม่ถึงกลับหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจ สร้างความสะเทือนใจให้กับเพื่อนร่วมศูนย์อพยพ หลังจากแม่ของพลทหารธีรยุทธ กระจ่างทอง อายุ 22 ปี ซึ่งเดินทางไปสู้รบแนวชายแดนด้านจังหวัดศรีสะเกษ และเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 ก.ค.) คลายความโศกเศร้าลง ชาวบ้านที่พักอยู่ศูนย์อพยพวัดตาไก้พลวง ต.ตาไก้ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ต่างเอาด้ายมาผูกข้อมือเพื่อให้กำลังใจนางติน และนายกิมแดง กระจ่างทอง ผู้เป็นแม่และพ่อของพลทหารธีรยุทธ น.ส.หอมจันทร์ กระจ่างทอง พี่สาวพลทหารธีรยุทธ เล่าว่า น้องชายติดต่อมาครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม บอกครอบครัวไม่ต้องเป็นห่วง ปลอดภัยดี แต่พอช่วงเช้าของวันนี้ (29 ก.ค.) ได้รับโทรศัพ์จาก ผบ.ร้อยประจำหน่วย ว่าพลทหารธีรยุทธ ได้ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว “ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วย” ส่วนสถานการณ์ทั่วไปตามแนวชายแดนด้านจังหวัดบุรีรัมย์ พบว่าทหารทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังกันอยู่แม้จะมีผลการหารือระดับตัวแทนกองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ออกมา 7 ข้อก็ตาม ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ส่งหนังสือไปยังนายอำเภอชายแดนอ้างถึงกองทัพภาคที่ 2 แจ้งว่า”ขอให้ประชาชนงดเดินทางกลับภูมิลำเนาพื้นที่ใกล้ชายแดนจนกว่าจะมีประกาศจากทางราชการ”.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนาม ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 29 ก.ค.-เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ รวมทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะรุนแรง และก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุในลักษณะต่างๆ เช่น การขึ้นมาร้องเพลง และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ก็เชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม โดยยืนยันว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย และได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งนี้ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เกิดเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ด้วยเหตุว่ากัมพูชาพยายามจะเข้ามายึดพื้นที่ปราสาท ซึ่งเป็นจุดสูงได้เปรียบในเชิงจุดยุทธศาสตร์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และนำมาสู่การเจรจาหยุดยิงโดยรัฐบาล 2 ประเทศ เมื่อวานนี้ จนกระทั่งมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายทหารในพื้นที่ 2 ประเทศในวันนี้ และทำให้เสียงปืนสงบลง.-313.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านเข้าสำรวจความเสียหายในบ้านเรือน

สุรินทร์ 29 ก.ค. – ผู้อพยพใน จ.สุรินทร์ เริ่มกลับเข้าไปสำรวจบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย มีบางส่วนตกสำรวจเนื่องจากช่วงชุลมุนและหนีเอาชีวิตรอดออกมา วันนี้ได้กลับเข้าไปสำรวจ เพื่อนำข้อมูลไปรับการช่วยเหลือต่อไป ทีมข่าวรับแจ้งการตกสำรวจความเสียหายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอปราสาท จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบซึ่งเป็นบ้านที่ตกสำรวจยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแล จึงพาทีมข่าวเข้าไปสำรวจ โดยเจ้าของบ้านไปให้ข้อมูลว่าบ้านตนได้รับความเสียหาย จากแรงระเบิด ช่วงเช้าวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ลูกกระสุนเป็นของจรวด BM-21 ได้ตกใส่ห้องน้ำข้างบ้านทำให้ห้องน้ำพังท่อน้ำแตกไม่สามารถใช้การได้ เจ้าของบ้านยังเล่าวินาทีที่ระเบิดเฉียดตนเองไปเพียง 100 เมตร โดยให้ข้อมูลว่าในขณะนั้นเป็นช่วงเวลา 06.00 น. ซึ่งตนยืนอยู่ข้างบ้านจากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นทำให้ตัวเองหมอบเอาชีวิตรอดและวิ่งออกจากพื้นที่ ตอนนี้ยังรู้สึกหวาดผวา เมื่อได้ยินเสียงดัง ซึ่งในขณะเดียวกันหมู่บ้านของตนก็ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ทั้งหมด 25 จุด ซึ่งบ้านของตนได้ตกสำรวจวันนี้จึงเดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอเยียวยาความช่วยเหลือกับหน่วยงานภาครัฐต่อไป จากนั้นทีมข่าวเดินทางมายังศูนย์อพยพแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งพบกับประชาชนที่อพยพมาเป็นจำนวนมาก ให้ข้อมูลว่า ได้ทางมาพักที่ศูนย์ เข้าสู่คืนที่ 6 เริ่มปรับตัวได้ แต่ยังเป็นห่วงทรัพย์สินในบ้านเรือน แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงรอคำสั่งจากทางรัฐบาลและกองทัพ ในขณะเดียวกัน ได้มีประชาชนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเดินทางมามอบสิ่งของเพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้อพยพโดยเฉพาะพระสงฆ์ เป็นตัวแทนเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เมตตาห่วงใยและให้ความช่วยเหลือเป็นกำลังใจแก่ทหารและประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดนนำโดยพระมหาต่อ รักษาการเจ้าอาวาสวัดแจ้งในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเกจิดังแห่งจังหวัดนครราชสีมาที่แม่ทัพภาคที่ 2 ให้ความเคารพนับถือ และให้ข้อมูลว่า […]

รัฐบาล ย้ำวอร์รูม ศบ.ทก. ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

ทำเนียบ 29 ก.ค.-รัฐบาล ย้ำวอร์รูม ศบ.ทก. ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ยืนยันช่วงบ่ายถึงค่ำวันนี้ เสียงปืนเบาลง หลังจากกองทัพภาคที่ 1-2 รวมทัพเรือไทย ตั้งโต๊ะพูดคุยกับผู้บัญชาการภูมิภาค 4-5 ของกัมพูชา พร้อมสั่งการ ศบ.ทก. ประชุมประเมินสถานการณ์พรุ่งนี้อีกครั้ง ก่อนแจ้งส่งประชาชนคืนพื้นที่เมื่อสถานการณ์ปลอดภัย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลสั่งการให้วอร์รูมที่จัดตั้งขึ้นในนามของ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) โดยมีพลเอกณัฐพล นาคพานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจฯ ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาและให้เป็น “วอร์รูม” ศูนย์รวมในการสั่งการและรับข้อมูลจากทุกภาคส่วนเพื่อประเมินสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะหลังจากการเจรจาหยุดยิงที่เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซียวานนี้ ศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้ประชุมและเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงโดยจะรับฟังข้อมูลจากพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองทัพเรือที่ดูแลจังหวัดจันทบุรีและตราด ศบ.ทก. จะมอนิเตอร์ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งสถานการณ์ชายแดน 7 จังหวัดอย่างต่อเนื่อง และหากมีเหตุการณ์สำคัญหรือภารกิจเร่งด่วน ก็ให้ดำเนินการประสานงานสั่งการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง […]

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]

คลังออกมาตรการช่วยเหลือชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 29 ก.ค.-คลังออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ทั้งระดับพื้นที่และผ่านสถาบันการเงินของรัฐ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ มาตรการในระดับพื้นที่ และมาตรการของสถาบันการเงินของรัฐ 1.มาตรการในระดับพื้นที่1.ขยายวงเงินทดรองราชการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดละ 100 ล้านบาท และพร้อมพิจารณาขยายเพิ่มหากไม่เพียงพอ เพื่อให้จังหวัดสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัวและตอบโจทย์ความต้องการในพื้นที่2.อำนวยความสะดวกในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เกี่ยวข้องกับภารกิจด้านความมั่นคงให้สามารถดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน ผ่านวิธีเฉพาะเจาะจง3.เตรียมมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนผ่านธนาคารของรัฐ เช่น ธ.ก.ส. โดยจะให้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่เกษตรกร รวมถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) สำหรับผู้ได้รับความเสียหาย 2.มาตรการด้านภาษีเลื่อนเวลาการยื่นแบบและการชำระภาษี ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ จากเดิมระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568 เป็นภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 นอกจากนี้ ประชาชนสามารถหักลดหย่อนค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์ความเสียหายได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท และสำหรับยานพาหนะไม่เกิน […]

ทหารม้าคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา ในพื้นที่ซำแต หลังยอมจำนน

ศรีสะเกษ 29 ก.ค.-ทบ. เผยคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา หลังทหารม้า เข้ากวาดล้างที่มั่นเขมร พื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ หลังยอมจำนน จนท.ปลดอาวุธ ยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลเคร่งครัด ก่อนจะดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป วันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลการควบคุมตัวทหารกัมพูชา จำนวน 18 นาย สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ ซำแต อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักและอาวุธวิถีโค้ง ยิงเข้ามาในเขตพื้นที่ของไทย ฝ่ายไทยจึงได้ใช้ หน่วยทหารม้าเฉพาะกิจเข้าทำการตอบโต้และกวาดล้างที่มั่นของฝ่ายกัมพูชา จากการปฏิบัติดังกล่าว พบมีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งยอมจำนนโดยไม่มีท่าทีหรือลักษณะจะคุกคามฝ่ายไทย ทางหน่วยจึงดำเนินการปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด มีจำนวน 18 นาย ชั้นยศ ร้อยตรี 1 นาย, จ่าสิบโท 2 นาย, สิบเอก 12 นาย, สิบโท […]

รัฐบาลไทยย้ำ ไม่มีทางที่จะใช้อาวุธชีวภาพในกัมพูชา

ทำเนียบ 29 ก.ค.-รัฐบาลไทยย้ำ ไม่มีทางที่จะใช้อาวุธชีวภาพในกัมพูชา เพราะเป็นการปะทะชายแดนเท่านั้น ชี้ข่าวจากเฟซบุ๊กปลอมเป็นความพยายามบิดเบือน สร้างความแตกแยกในภูมิภาค นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า จากกรณีสื่อมวลชนกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลโดยอ้างอิงจาก “เฟซบุ๊กแฟนเพจ” ซึ่งระบุว่าเป็นของกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และมีการกล่าวหาอย่างร้ายแรง ว่าไทยใช้อาวุธชีวภาพในการโจมตีในพื้นที่ชายแดนนั้น รัฐบาลขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยสิ้นเชิง และคาดว่า เฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นบัญชีปลอม และเป็นความพยายามอย่างชัดแจ้งในการบิดเบือนข้อเท็จจริง รัฐบาลยืนยันว่า การปฏิบัติการของกองทัพไทยอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention: CWC) และองค์การห้ามอาวุธเคมี (Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons: OPCW) ประเทศไทยไม่มีนโยบายหรือแนวปฏิบัติในการใช้หรือพัฒนาอาวุธชีวภาพหรืออาวุธต้องห้ามใดๆ ทั้งสิ้น การปะทะที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการป้องกันอธิปไตยตามแนวชายแดน มิใช่สงครามเต็มรูปแบบ และกองทัพไทยยังคงดำรงจริยธรรมทางการทหารอย่างสุภาพบุรุษเสมอมา ทั้งนี้ ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีสามารถตรวจจับสารพิษตกค้างหรือการใช้อาวุธต้องห้ามได้อย่างแม่นยำ ไม่สามารถปกปิดได้ในเวทีระหว่างประเทศ หากไทยใช้อาวุธชีวภาพจริง ย่อมมีการตรวจพบโดยองค์การสหประชาชาติและหน่วยงานด้านความมั่นคงทั่วโลกแล้ว รัฐบาลไทยขอเตือนประชาชนและสื่อมวลชนให้ใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบในการรับข้อมูลจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจที่ไม่มีการยืนยันตัวตนอย่างเป็นทางการ และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือนที่อาจบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมเน้นย้ำจุดยืนของไทยในการลดความตึงเครียดและผลักดันการเจรจาสันติภาพอย่างยั่งยืนในภูมิภาค.-314.-สำนักข่าวไทย

มท. เตือนประชาชนชะลอกลับเข้าที่พัก รอฝ่ายมั่นคงยืนยัน

กทม 29 ก.ค.-มท.ร่อนหนังสือด่วน ถึงผู้ว่าฯ ชายแดน เตือนประชาชนชะลอการกลับเข้าที่พัก​ จนกว่าจะได้รับการยืนยันจากฝ่ายความมั่นคง​ ยึดหลักปฏิบัติ “พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” กระทรวงมหาดไทย​ ออกโทรสารในราชการกระทรวงมหาดไทย​ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เป็นหนังสือด่วนที่สุด​ ที่ มท ​0231/ว จาก ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา กระทรวงมหาดไทย ถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนด้านกัมพูชา 7 จังหวัด ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงว่าหลังจากเวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ยังมีเหตุการณ์ ยิงปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างต่อเนื่อง ในคราวประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ครั้งที่ 22/2568 วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 มีมติให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งผู้ว่าราชการ จังหวัดชายแดนด้านกัมพูชาสร้างการรับรู้ให้ประชาชนผู้อพยพในศูนย์พักพิงชั่วคราวชะลอการกลับเข้าที่พักอาศัย จนกว่าจะได้รับการยืนยันจากฝ่ายความมั่นคง และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนด้านกัมพูชาในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านกัมพูชาจังหวัดดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงชั่วคราวอย่างต่อเนื่อง และยึดหลักปฏิบัติ “พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” ในระดับสูงสุด.-319.-สำนักข่าวไทย

“มาริษ” ร่อนหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น”

ก.ต่างประเทศ 29 ก.ค.-“มาริษ” ส่งหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น” บอกต่อสายเพื่อนสนิทขอร่อนเอกสาร ยัน “กัมพูชา” ไม่จบ ยิงอีกรอบหลังจบเจรจา เปิดใจขอทุกคนไม่ต้องห่วง กต.ร่วมมือเต็มที่ปกป้องอธิปไตยไทยและบูรณภาพแห่งดินแดน ยัน “ไทย” เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ต้องกลัวสายตาโลก บอกนานาชาติชื่นชมพรึ่บ! นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยชี้แจงว่าหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้ประท้วงหลายกรอบความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นอนุสัญญาออตตาวา, อนุสัญญาเจนีวา, กฎหมายระหว่างประเทศ, การใช้ทุ่นระเบิดและการโจมตีพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ของประชาชน ซึ่งที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนได้เข้าไปในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้พบผู้แทนระดับสูงของ UN และหลายประเทศ หารือในเรื่องที่เราดำเนินการแก้ไขทุกอย่างด้วยสันติวิธี และใช้ความอดทนอดกลั้นทั้งหมด ถึงแม้จะอดกลั้น แต่เราก็ยึดถือหลักสำคัญที่สุด คืออำนาจอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ เป็นอันดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน เราก็ให้ความสำคัญกับเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศกฎหมาย, กฎบัตรสหประชาชาติ, กฎหมายอาเซียน, ความตกลงและความเป็นครอบครัวอาเซียนทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ซึ่งก็พยายามใช้ความอดทนอดกลั้นพยายามไม่ให้สถานการณ์บานปลาย แต่อย่างไรก็ตาม เราถูกละเมิดอธิปไตย เราก็ต้องใช้สิทธิ์ตอบโต้ในสิ่งที่ประเทศไทยถูกละเมิดมาโดยตลอด นายมาริษ กล่าวว่า ภาพพจน์ของนานาประเทศที่ให้กับเรา ทำให้เราได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราต้องการ คือความเป็นประเทศรักสงบ […]

1 50 51 52 53 54 78
...