
นายกฯ ยินดีชุมนุมเรียบร้อย ขอบคุณ จนท.ทุกฝ่าย
นายกฯ ยินดีการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ฝากประชาชนยึดชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลักสำคัญยิ่งของคนไทย
นายกฯ ยินดีการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ฝากประชาชนยึดชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลักสำคัญยิ่งของคนไทย
“สุทิน” ชวน ส.ว.ให้คิดถึงประเทศชาติ เห็นชอบร่างแก้ไข รธน.ในที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายพรุ่งนี้ เชื่อม็อบ 19 ก.ย. ส่งผลการลงมติ จับตาการตัดสินใจของนายกฯ
“ชวน” เผยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กลุ่มไอลอว์ จะเสนอ ยังไม่ได้พิจารณาวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ เพราะยังไม่ได้ยื่นต่อสภา ไม่ห่วงม็อบชุมนุมหน้าสภา 24 ก.ย. มองเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่คุกคาม
มอบรางวัลจังหวัดสะอาด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ย้ำทุกประเทศจะล้มกันหมด แต่สิ่งสำคัญคือจะต้องลุกขึ้นโดยเร็ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาเรื่อง “วิถีชีวิตใหม่ ประเทศไทยหลังโควิด” เตือนอย่าประมาทโควิด-19 แม้ไม่มีผู้ป่วยในประเทศ ระบุแนวคิดพัฒนาประเทศต้องพร้อมรับ ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงเพื่อเติบโต ปรับแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อรับมือโควิด-19 ขอทุกคนเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย
รัฐสภา 21 ก.ย.-“สิระ” จี้ ตร.เอาผิด ส.ส.เข้าร่วมชุมนุม ชี้หากจะเอาผิดม็อบต้องพ่วง ส.ส.ให้เท่าเทียมด้วย ติงขาดจิตสำนึก ยืนชูสามนิ้ว ไร้ภาพฝ่ายนิติบัญญัติ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่มีภาพ ส.ส.จำนวนหนึ่งปรากฏระหว่างการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ซึ่งระหว่างการชุมนุม มีการบุกรุกรื้อรั้วแผงกั้นเหล็กรอบสนามหลวงและการพักค้างคืนของกลุ่มผู้ชุมนุม อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุกหรือไม่ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศในที่ชุมนุมว่าให้ยุติการชุมนุม เพราะไม่ได้ขออุญาตใช้สถานที่ แต่ทางผู้ชุมนุมก็ไม่ฟังเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะ ส.ส.จำนวนหนึ่งที่แสดงตัวด้วยการชูสามนิ้วในสถานที่ห้ามชุมนุม ทั้งที่เป็น ส.ส.ที่ถือเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ยังทำผิดกฎหมายเสียเอง จึงไม่ทราบว่าเป็นพฤติกรรมที่ขาดจิตสำนึกหรือไม่ นายสิระ กล่าวอีกว่า เมื่อ ส.ส.เหล่านี้เข้าร่วมการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ก็ถือเป็นประชาชนคนหนึ่ง เทียบเท่ากับประชาชน แกนนำม็อบทุกคน ดังนั้นหากมีการดำเนินคดีทางกฎหมาย ส.ส.เหล่านี้ต้องได้รับโทษอย่างเท่าเทียม จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจงดำเนินคดีกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรับผิดชอบฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ “ตลอดระยะเวลาของการชุมนุมที่เกิดขึ้น มีการโจมตีให้ร้ายต่อสถาบันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบุคคลที่เข้ามาเป็น ส.ส.มีหน้าที่ต้องปกป้องสถาบัน ต้องกล่าวคำปฏิญาณในการเข้ารับตำแหน่ง แต่การเข้าร่วมแบบนี้ ท่านได้ทำหน้าที่ตามที่ได้กล่าวคำปฏิญาณไว้หรือไม่” นายสิระ กล่าว เมื่อถามว่า การเข้าร่วมชุมนุมของ ส.ส.เป็นเพียงแค่การสังเกตการณ์หรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ส.ส.ที่ทำหน้าที่สังเกตการณ์ […]
สำนักงาน กกต. 21 ก.ย.- กกต.ลงนามความร่วมมือกับกรมการพัฒนาชุมชน ผลักดันสร้างความรู้ความเข้าใจการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขให้กับชาวบ้าน หวังเกิดศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย
รัฐสภา 21 ก.ย.-“วัลลภ” รับไม่ได้ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม 10 ข้อ มองสุดโต่งเกินไป นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แสดงความเห็นถึงการชุมนุมของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ว่า คนที่ฟังอยู่ คงรอฟังการอภิปรายบนเวทีว่ารัฐบาลบริหารผิดพลาดอย่างไร แต่แกนนำผู้ชุมนุมพูดประเด็นนี้น้อยและเปลี่ยนเป็นเรื่องสถาบัน ทำให้เจตนารมณ์ของการชุมนุมอ่อนลง การยอมรับต่ำลง ปกติกระบวนการเดินขบวนจะต้องมีความชัดเจน 3 เรื่อง คือ 1.เจตนารมณ์ที่ชัดเจน 2.แกนนำคือใครเพราะเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบ 3.การเคลื่อนตัวของขบวน ปกติการเคลื่อนจะไม่เคลื่อนง่าย จะเคลื่อนต้องมีวัตถุประสงค์ แต่การชุมนุมครั้งนี้สับสน ไม่มีแกนนำที่ชัดเจน ข้อเรียกร้องและการเคลื่อนตัวก็ไม่ชัด มองว่าทุกอย่างผิดความคลาดหมายทั้งสิ้น ทำให้น้ำหนักการเรียกร้องน้อยลง นายวัลลภ กล่าวอีกว่า กลุ่มผู้ชุมนุมผิดพลาดมาก เพราะหากเรียกร้องแค่ 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชน แก้ไขรัฐธรรมนูญ ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เป็นข้อเรียกร้องที่ชอบธรรม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องรับฟัง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้อง 10 ข้อเกี่ยวกับสถาบัน ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน ทำให้การชุมนุมเสื่อม การยอมรับต่ำลง เมื่อสุดโต่งจะล้มลงเอง […]
เร่งช่วยจังหวัดกระทบจากโนอึล
แม้การชมุนมจะยุติไปแล้ว แต่ผลพวงที่จะเกิดขึ้นจากนี้ยังมีทิศทางที่ส่อเค้าให้เห็นทั้งในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการชุมนุมใหญ่ที่อาจจะมีขึ้นอีก ติดตามจากรายงานทีมข่าวการเมืองสำนักข่าวไทย
กรณีแกนนำผู้ชุมนุมเจาะสนามหลวงเพื่อปักหมุด ล่าสุดฝ่ายกฎหมายของทั้งกรุงเทพฯและกรมศิลปากรอยู่ระหว่างพิจารณาเอาผิด ซึ่งโทษสูงสุด คือ จำคุก 10 ปี