
ห้ามชุมนุม มั่วสุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
นายกรัฐมมนตรีออกข้อกำหนด ห้ามชุมนุม หรือมั่วสุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ห้ามเสนอข่าว และข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร
นายกรัฐมมนตรีออกข้อกำหนด ห้ามชุมนุม หรือมั่วสุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ห้ามเสนอข่าว และข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร
นายกรัฐมมนตรีออกประกาศตามมาตรา 11 พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจเจ้าพนักงานจับกุม ควบคุมบุคคลที่สงสัยว่าเป็นผู้ร่วมกระทำให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีอำนาจเรียกบุคคลให้มารายงานตัว
กรุงเทพฯ 15 ต.ค.-คณะก้าวหน้าออกแถลงการณ์ เรียกร้องรัฐบาลปล่อยตัวผู้ชุมนุม ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน คณะก้าวหน้า ออกแถลงการณ์ เรื่องรัฐบาลต้องปล่อยตัวผู้ชุมนุม ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันที หยุดก้าวล่วงประชาชน สืบเนื่องจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ตามด้วยการเข้าสลายการชุมนุมของคณะราษฎร 2563 ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล จับตัวแกนนำและผู้ชุมนุมจำนวนมากในช่วงเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา คณะก้าวหน้า ขอยืนยันว่า การชุมนุมตลอดวันที่ 14 ตุลาคม เป็นการแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญและตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) แกนนำและผู้ชุมนุมพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา พวกเขาแสดงออกอย่างสันติ สงบ เรียกร้องในสิ่งที่ประเทศประชาธิปไตยพึงมี นอกจากนี้ แกนนำยังพยายามลดความตึงเครียด โดยยอมประกาศพักการชุมนุมไปแล้ว และจะให้มวลชนแยกย้ายกลับบ้านในเวลา 06.00 น.ของวันนี้ (15 ต.ค.) โดยสถานการณ์การชุมนุมได้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยตลอดคืน การชุมนุมที่เกิดขึ้น ไม่เข้าเหตุให้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่มีความชอบธรรมและความจำเป็นใด ๆ เลยที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และนำกำลังเข้าสลายการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกาล ซึ่งส่อเจตนาปกปิด ไม่สุจริตใจ ทำให้การใช้กำลังเข้าจัดการกับผู้ชุมนุมตรวจสอบได้ยาก ขัดต่อหลักการสากล นอกจากนี้ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่เกินขอบเขตกฎหมายปกติอย่างมาก เช่น การตรวจสอบและยับยั้งการใช้เครื่องมือสื่อสาร การควบคุมตัวประชาชนได้ 7 […]
จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ดูแลรักษาความปลอดภัย จัดกำลัง 100 นาย สับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด 24 ชม.
เจ้าหน้าที่เทศกิจเข้าทำความสะอาดถนน พร้อมเปิดเส้นทางการจราจร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป
แกนนำคณะราษฎร ย้ำจะปักหลักชุมนุมอย่างน้อย 3 วัน หรือจนกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่ทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่าเจ้าหน้าที่งดเข้าปฏิบัติงานในทำเนียบฯ พรุ่งนี้
กรุงเทพฯ 14 ต.ค. – สำนักข่าวไทย ประมวลเหตุการณ์สำคัญของการชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร รวมถึงการรวมตัวคู่ขนานของกลุ่มต่างๆ ตลอดทั้งวันจนถึงช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งพบว่ามีการกระทบกระทั่งกันในบางจุด ทำให้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย เวลา 08.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร รวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เตรียมพร้อมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล พร้อมย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง ไม่ให้ใช้ความรุนแรง ขณะที่ตำรวจระดมกำลังเตรียมพร้อม เน้นปิดกั้นตามเส้นทางจุดยุทธศาสตร์ ตามเส้นทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนินนอก สะพานมัฆวานรังสรรค์ รวมถึงบริเวณสะพานเทวกรรมรังรักษ์ และสะพานชมัยมรุเชฐ ที่เป็นเส้นทางเคลื่อนขบวนสำรอง เวลา 09.30 น. มีความเคลื่อนไหวบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ฝั่งประตู 5 กลุ่มคณะกรรมการเครือข่ายไฟฟ้า ประปาและยา เพื่อชาติประชาชน (คฟปย.) และกลุ่มของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ทยอยรวมตัวกัน ภารกิจหลัก คือ รับเสด็จฯ โดยประกาศหากกลุ่มคณะราษฎรสกัดขบวนเสด็จฯ จะไม่ยินยอม และยอมรับว่า การที่ตำรวจคุมตัว “ไผ่ ดาวดิน” ดำเนินคดี อาจเป็นการเติมเชื้อไฟ […]
แกนนำและกลุ่มมวลชนพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจ 2 จุด ตั้งแต่ ถ.นครสวรรค์ และเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อเคลื่อนขบวนตาม ถ.พิษณุโลก ประชิดรั้วทำเนียบฯ ได้สำเร็จ โดยแกนนำประกาศจุดยืนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“ไพบูลย์” ชี้ตั้ง ส.ส.ร.ขัดรัฐธรรมนูญ เหตุตั้งสภาซ้อนสภา – โฆษก กมธ.เชื่อไม่ต้องขยายเวลาพิจารณาเพิ่ม
“สุเทพ” เผยมาส่วนตัวเพื่อรับ-ส่งเสด็จฯ ปัดขนคนยั่วยุให้เกิดม็อบชนม็อบ
หมอวรงค์ ร่วมรับเสด็จฯ เผยพร้อมปกป้องสถาบัน ไม่กังวลหากกลุ่มคณะราษฎร 2563 เคลื่อนผ่าน เชื่อไม่มีใครต้องการให้เกิดความรุนแรง คนไทยด้วยกันต้องรักใคร่สามัคคี