
ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : น้ำชงใบมะกรูดตะไคร้ แก้ต่อมลูกหมากโต จริงหรือ?
บนสังคมออนไลน์แชร์คลิปแนะนำสูตรแก้ “ต่อมลูกหมากโต” หายดีได้ด้วยการดื่มน้ำชงใบมะกรูดและตะไคร้เป็นประจำ เรื่องนี้จริงหรือไม่ ติดตามข้อเท็จจริงจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
บนสังคมออนไลน์แชร์คลิปแนะนำสูตรแก้ “ต่อมลูกหมากโต” หายดีได้ด้วยการดื่มน้ำชงใบมะกรูดและตะไคร้เป็นประจำ เรื่องนี้จริงหรือไม่ ติดตามข้อเท็จจริงจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
“ประยุทธ” แจงกมธ.กม. ยันประเด็นความเร็วรถไม่อยู่ในสำนวน
ความคืบหน้ากรณี รพ.ชัยนาทนเรนทร เผาสลับศพทารกเพศชาย ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พาแม่และพ่อของทารกเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคณะผู้บริหารโรงพยาบาลฯ พร้อมรับฟังคำชี้แจง
อส. 4 ส.ค. 63 – กรมอุทยานฯ ประชุมติดตามโครงการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยในพื้นที่อนุรักษ์ โดยพบจระเข้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติประมาณ 20 ตัว นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงวิชาการ โครงการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยในพื้นที่อนุรักษ์ ณ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยเป็นสัตว์ป่าที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากประชากรในธรรมชาติของจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยมีจำนวนน้อย การศึกษาและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ในปี พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2549 มีการดำเนินโครงการนำร่องการปล่อยจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาโดยจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยที่ปล่อยสามารถอาศัยอยู่รอด และแพร่ขยายพันธุ์ได้ในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ถือเป็นความสำเร็จในการปล่อยจระเข้คืนถิ่น ทำให้ทราบข้อมูลพื้นฐานทางนิเวศที่เหมาะสมของจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย นำไปสู่การดำเนินโครงการอนุรักษ์จระเข้พันธุ์ไทยในประเทศ ปัจจุบันพบจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยอาศัยอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์เพียง 6 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย ได้เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และแลกเปลี่ยนความเห็น รวมทั้งประสบการณ์การวิจัยเกี่ยวกับการอนุรักษ์ เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนการอนุรักษ์จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้านนายชลธาร […]
กรุงเทพฯ 4 ส.ค. โฟกัสกรุ๊ปเรียงช่องทีวีดิจิทัลใหม่ ยังไม่คืบ การประชุมรับฟังความคิดเห็นเรื่องการปรับปรุงหลักเกณฑ์และการกำหนดหมวดหมู่การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ภาคพื้นดิน โดย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ได้เชิญผู้ประกอบการทีวีภาคพื้นดิน และผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิทัลมาให้ความคิดเห็น ทั้งนี้การรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้เป็นการรวบรวมความเห็นของผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้อง โดยมีประเด็นคำถาม ตามที่เคยมีความพยายามออกประกาศเรียงช่องทีวีใหม่ โดยให้โครงข่ายทั้งทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี สามารถจัดเรียงช่อง 1-10 แทนที่ทีวีดิจิทัลช่องสาธารณะที่ขยับไปอยู่ช่อง 11-15 ส่วนช่องทีวีดิจิทัลภาคธุรกิจตั้งแต่หมายเลข 16-36 ยังอยู่ในหมายเลขเดิมทั้งนี้การประชุมยังไม่มีข้อสรุปที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ด้านนายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) กล่าวภายหลังการประชุมกลุ่มย่อย หรือโฟกัสกลุ่ม การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดหมวดหมู่และการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ (ครั้งที่ 2) ว่า สมาคมฯ ได้แสดงจุดยืน และเสนอความคิดเห็นต่อสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ถึงผลกระทบต่อทีวีดิจิทัล หากดำเนินการตามที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งว่า ประกาศเรียงช่องของ กสทช. ปี 2558 ที่ให้โครงข่ายการรับชมทีวีนอกจากทีวีดิจิทัลภาคพื้นดิน ทั้งทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีต้องนำช่องทีวีดิจิทัลที่ผ่านการประมูล ไปไว้ในโครงข่ายของตนและเรียงหมายเลขช่องตามผลการประมูลของ กสทช. เป็นประกาศที่ไม่ถูกต้อง ผลส่งให้โครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี ไม่จำเป็นต้องเรียงหมายเลขช่องตามประกาศเดิม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีขั้นอุทธรณ์ หากผลการพิจารณาคดีเป็นไปตามชั้นต้น จะเกิดความสับสนกับผู้ชม “การออกประกาศเรียงช่องฉบับใหม่เพื่อไปแก้ไขคำสั่งศาลปกครองกลาง ซึ่งเบื้องต้นทีวีดิจิทัลช่องสาธารณะเห็นต่างเนื่องต้องย้ายช่อง โดยทุกวันนี้ผู้ชมทีวีดิจิทัลผ่านกล่องรับสัญญาณ (เซ็ตท็อปบ็อกซ์) เพียงร้อยละ 20 ที่เหลือรับชมผ่านดาวเทียมและเคเบิลทีวี หากคำตัดสินของศาลปกครองให้เรียงช่องกันเองจะเกิดความสับสน ผู้ชมหาช่องไม่เจอ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ อันดับความนิยม และรายได้ค่าโฆษณาตามมา” นายสุภาพ กล่าว-สำนักข่าวไทย.
กรุงเทพฯ 4 ส.ค.-EA รับรายได้ปีนี้พลาสดเป้า 5 พันล้านบาท หลัง โครงการผลิตรถยนต์นั่ง ไม่สามารถผลิตได้ทันในปีนี้ เพราะผลกระทบจากล็อกดาวน์ โคดวิด-19 ส่วนธุรกิจไบโอดีเซล เพิ่มช่องทางหารายได้เพิ่มจากสารPCM เข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม
ครม.อนุมัติ 157 โครงการ ครบคลุม 57 จังหวัด ภายใต้งบเงินกู้ฟื้นฟูโควิด เแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน วงเงินรวม 884.62 ล้านบาท
ครม.อนุมัติ สภาพัฒน์ตัวแทนประเทศไทยร่วมกับ UNDP เดินหน้าศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาคในไทย รับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต
ดีเดย์เลือกตั้งซ่อมสมุทรปราการ หวังเลือกตั้งโปร่งใส – ตรวจสอบ กกต.ได้
กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ลงพื้นที่ตรวจหาวิถีกระสุนปืนถล่มบ่อนพระราม 3
คนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ภายในห้างโลตัส จ.บึงกาฬ เปิดฉากยิงต่อสู้กับตำรวจ หลังถูกไล่ติดตามจับกุมประชิดตัว ก่อนจะขัดขืนชักอาวุธปืนต่อสู้ สุดท้ายถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส
กรุงเทพฯ 3 ส.ค. ไปรษณีย์ไทย เปิดตัวแสตมป์ที่ระลึก 65 พรรษา กรมสมเด็จพระเทพฯ พร้อมจัดนิทรรศการไปรษณีย์กลาง ใต้ร่มพระบารมี ถึง 31 สิงหาคม นี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ออกตราไปรษณียากรที่ระลึกในโอกาสที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจริญพระชนมายุ 65 พรรษา ในปี 2563 ซึ่งเป็นพระฉายาลักษณ์ในฉลองพระองค์ชุดไทยศิวาลัยสีม่วงซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ ทรงผ้าทรงสะพักประดับเครื่อง ขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประกอบอักษรพระนามาภิไธยย่อ “สธ” พิมพ์สี่สีพร้อมเทคนิคปั๊มฟอยล์ทองบริเวณตัวเลขบอกชนิดราคา และคำว่า ประเทศไทย THAILAND โดยจะออกจำหน่ายในวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ราคา 5 บาทซองวันแรกจำหน่าย 14 บาท จำนวนพิมพ์ 800,000 ดวง สำหรับผู้ที่สนใจสามารถซื้อได้ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร และทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ thailandpostmart.com นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ได้มีการจัดกิจกรรมพิเศษ ณ อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก มอบลายเซ็นนักออกแบบแสตมป์ชุดดังกล่าว และแสตมป์วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ออกจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมาด้วย รวมทั้งจัดนิทรรศการพิเศษ “ไปรษณีย์กลางใต้ร่มพระบารมี” ในโอกาสครบรอบ 80 ปี อาคารไปรษณีย์กลาง นำเสนอภาพชุดประวัติศาสตร์ที่หาชมได้ยาก เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 10 ขณะทรงพระเยาว์เสด็จฯ เยี่ยมชมกิจการของอดีตกรมไปรษณีย์โทรเลข และโอกาสที่กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ มายังอาคารไปรษณีย์กลางในหลายวาระ โดยจะจัดไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ส่วนพิพิธภัณฑ์และกิจกรรมเชิงสังคม ฝ่ายสื่อสารการตลาด โทร. 0 2831 3722 และ 0 2831 3810 หรือทางไลน์ @stampinlove และ THP Contact Center 1545-สำนักข่าวไทย.