พุทธิพงษ์เข้มลุยจับเว็บผิดกฎหมาย-เนื้อหาไม่เหมาะสม

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. รมว.ดีอีเอส เอาจริงสั่งลุยเว็บผิดกฎหมายและเนื้อหาไม่เหมาะสม เร่งรวบรวมหลักฐานภายใน1-2 วัน ส่งขอคำสั่งศาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ทุกครั้งที่ได้รับการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเว็บผิดกฎหมาย หรือเนื้อหาไม่เหมาะสมบนโลกออนไลน์ เราเร่งดำเนินการอย่างรวดเร็ว ซึ่งขั้นตอนใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งไปขอคำสั่งศาลภายใน 1-2 วันและรีบส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามการกระทำผิดแล้วรีบแจ้งผู้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) รวมถึงผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ (เฟซบุ๊ก /ยูทูบ /ทวิตเตอร์) เพื่อดำเนินการปิดหรือลบข้อมูลที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อศาลมีคำสั่งให้ปิดหรือลบข้อมูลแล้ว จะเป็นการดำเนินการของหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าเป็น ISP หรือสื่อสังคมออนไลน์ ที่จะปิดหรือลบข้อมูลผิดกฎหมาย รวมทั้ง บก.ปอท. จะหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป  ที่ผ่านมามีทั้งเว็บและเนื้อหาในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ถูกปิดไปมากมาย แต่จะรวดเร็วยิ่งขึ้นหากได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เร่งดำเนินการ เพราะเนื้อหาต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีผลต่อความมั่นคงของบ้านเมือง และกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ทางกระทรวงฯ พร้อมเสมอที่จะสนับสนุนทุกๆฝ่าย เพื่อให้การดำเนินการรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่า-สำนักข่าวไทย.

เศรษฐกิจเกาหลีเหนือเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี

ธนาคารแห่งประเทศเกาหลี หรือบีโอเครายงานว่า เศรษฐกิจของเกาหลีเหนือเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีในปีที่แล้ว เนื่องจากสภาพอากาศที่ดีขึ้นทำให้ผลผลิตดีขึ้น

เฟซบุ๊กออกแถลงการณ์ ขออภัยสุดซึ้งย้ำให้ความเคารพคนไทย

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. เฟซบุ๊กออกแถลงการณ์กรณีข้อผิดพลาดในการแปลภาษายืนยันให้ความเคารพคนไทยอย่างยิ่งและขออภัยสุดซึ้ง เฟซบุ๊ก ประเทศไทย ออกคำแถลงการณ์ กรณีข้อผิดพลาดในการแปลภาษาบนแพลตฟอร์มดังนี้ Facebook ได้ดำเนินการแก้ไขทันทีในกรณีข้อผิดพลาดทางเทคนิคที่ส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการแปลภาษาไทยและได้ปิดฟีเจอร์แปลภาษาอังกฤษเป็นไทยอัตโนมัติบน Facebook และ Instagram ชั่วคราว ในระหว่างที่ทีมงานของเรากำลังเร่งปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพเครื่องมือดังกล่าว Facebook ขอเรียนว่าเราให้ความเคารพแก่คนไทยอย่างยิ่งและขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับความผิดพลาดในครั้งนี้-สำนักข่าวไทย.

วงจรปิดเผยภาพอุบัติเหตุทำพยานคดีบอสดับ

สำนักข่าวไทย 30 ก.ค. 63 – ตร.เผยภาพกล้องวงจรปิด 1 ใน 2 พยานปากเอกพลิกคดีบอส อยู่วิทยา เสียชีวิตกะทันหัน ถูกมอเตอร์ไซด์เกี่ยวจนล้ม ล่าสุดคู่กรณีหนีออกจากโรงพยาบาล พันตำรวจเอกรณชัย รอดลอย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและจำลองเหตุการณ์ลักษณะเกิดเหตุ คดีที่นายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี ชาวอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย 1 ใน 2 พยานปากสำคัญ พลิกคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์  เมื่อเวลาประมาณตี 1 พบว่าก่อนจะมาถึงจุดเกิดเหตุ ผู้ตายไปดื่มเหล้า และขับรถจักรยานยนต์ ส่วนคู่กรณีคือนายสมชาย ตาวิโน ขับรถจักรยานยนต์เช่นกัน ทั้ง 2 ขับรถมาตามถนนนิมมานเหมินทร์ เลี้ยวเข้าถนนห้วยแก้ว มุ่งหน้าไปยังคูเมือง ระหว่างทางขับรถตีคู่กันมา และพูดคุยกันในลักษณะคล้ายคนรู้จักกัน  กระทั่งก่อนถึงสามแยกฟ้าธานี บริเวณหน้าทางเข้าร้านสุคนธาหมูกระทะ รถคู่กรณีเฉี่ยวชนท้ายรถนายจารุชาติ ก่อนที่นายจารุชาติจะแฉลบเสียหลักไปชนกับขอบถนน  หลังเกิดเหตุ […]

ธอส. นำร่องประมูลบ้านมือสองออนไลน์ครั้งแรก เพียง 2 ชั่วโมง ขายได้กว่า 17.6 ล้านบาท

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผยผลการนำร่องเปิดประมูลบ้านมือสองออนไลน์ครั้งแรกผ่าน Application : G H Bank Smart NPA ประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมประมูลทั้งสิ้นจำนวน 238 ราย สามารถจำหน่ายทรัพย์ได้คิดเป็นมูลค่ารวม 17.64 ล้านบาท

พุทธิพงษ์พ้อเฟซบุ๊กไม่ค่อยให้ความร่วมมือจัดการเพจผิดกฎหมาย

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. พุทธิพงษ์ ชี้เฟซบุ๊ก ไม่เคยให้ความร่วมมือปิดเว็บผิดกฎหมาย ย้ำหากทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทยต้องเคารพและเข้าใจบริบทของคนไทย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพจากหน้าเพจเฟซบุ๊กของสื่อหลายแห่งในการถ่ายทอดสดพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา และมีข้อความที่ไม่เหมาะสมแสดงขึ้นมา โดยเป็นคำแปลจากข้อความต้นฉบับภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยที่มีความหมายไม่ถูกต้องนั้น กระทรวงไม่ได้นิ่งนอนใจ และ ได้ประสานไปยังเฟซบุ๊กแล้ว ขณะที่ไทยพีบีเอสเองก็ได้แจ้งความไปยัง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท) เพื่อดำเนินคดีกับเฟซบุ๊กแล้ว ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กระทรวงฯไม่เคยนิ่งนอนใจกับการดำเนินการเว็บไซต์ผิดกฎหมายตาม  พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งยูทูปให้ความร่วมมือร้อยละ 90 ขณะที่เฟซบุ๊กให้ความร่วมมือเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น เห็นได้ว่าเฟซบุ๊กไม่ให้ความร่วมมือเลย ทั้งๆที่เขามาทำงานในประเทศไทย มาให้บริการกับคนไทย จึงควรที่จะเข้าใจบริบทของสังคมไทย ยอมรับในสิ่งที่คนไทย ยึดมั่น นับถือ และรับผิดชอบสังคมไทยด้วย ไม่ใช่ส่งไปให้ปิดแล้วก็นิ่งเฉย คนทั่วไปก็ไม่เข้าใจคิดว่ากระทรวงฯนิ่งเฉย เมื่อต้นเรื่องที่ต่างประเทศไม่ให้ความร่วมมือ กระทรวงฯก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกระบวนการทำงานของกระทรวงฯได้ประสานไปหมดทุกขั้นตอนแล้ว-สำนักข่าวไทย.

ปลัดดีอีเอสแจงการดำเนินการกับกรณีไลฟ์เฟสบุ๊กไม่เหมาะสม

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. ดีอีเอส แจงการดำเนินการ กรณีสื่อหลายรายโพสต์ Live ถ่ายทอดสดในพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา บนเฟซบุ๊ก ปรากฏข้อความไม่เหมาะสม นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพจากหน้าเพจเฟซบุ๊กของสื่อหลายแห่งในการถ่ายทอดสดพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา และมีข้อความที่ไม่เหมาะสมแสดงขึ้นมานั้น โดยเป็นคำแปลจากข้อความต้นฉบับภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยที่มีความหมายไม่ถูกต้อง กระทรวงดิจิทัลฯ ได้รับแจ้งเหตุจากสื่อบางรายว่าพบปัญหาดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหาย จึงได้แนะนำให้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท) เพื่อดำเนินการตามกฏหมาย และได้ประสานไปยัง เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งได้รับคำตอบว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิคของระบบการแปลอัตโนมัติของ เฟซบุ๊ก จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย   และ เฟซบุ๊ก ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขและตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้กระทรวงได้ขอให้ เฟซบุ๊ก ออกคำชี้แจงอย่างเป็นทางการเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น กระทรวงขอให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ใช้บริการ เฟซบุ๊ก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ ในกรณีที่ต้องการโพสต์ข้อความภาษาอังกฤษ ควรใส่ข้อความที่ถูกต้องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งการโพสต์ข้อความทั้งสองภาษาในครั้งเดียว จะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบการแปลของ เฟซบุ๊ก ทำการแปลอัตโนมัติ ในส่วนของผู้เสียหายสามารถแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ สำหรับบุคคลที่นำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องดังกล่าวไปเผยแพร่หรือส่งต่อมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ-สำนักข่าวไทย.

1 492 493 494 495 496
...