Latest News

ทำเนียบฯ 15 ก.ย.-ครม.รับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ไปพลางก่อน เนื่องจากงบฯ ปี 2564 ดำเนินการไม่ทัน เพื่อความต่อเนื่องและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ไปพลางก่อน เนื่องจากรัฐบาลมีการปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ ทำให้กระบวนการจัดทำงบประมาณล่าช้าไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ จึงคาดว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 จะประกาศใช้บังคับไม่ทันในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 อันเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ซึ่งกรณีดังกล่าว รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 141 บัญญัติให้ใช้กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณปีก่อนนั้นไปพลางก่อน นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับสาระสำคัญของหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ไปพลางก่อน ให้สำนักงบประมาณมีอำนาจจัดสรรงบประมาณให้หน่วยรับงบประมาณได้ไม่เกิน 1 ใน 4 ของแผนงานต่าง ๆ […]

กรุงเทพฯ 15 ก.ย.-หัวหน้าพรรค รปช.นำทีมแถลงค้านแก้ รธน. เตรียมส่ง ส.ส.อภิปรายค้าน ย้ำยังไม่เห็นปัญหาจาก รธน.60 ชี้การแก้โดยไม่ถามประชาชน ส่อขัดรัฐธรรมนูญ นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมแกนนำพรรค แถลงไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ เพราะเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เพิ่งใช้เเพียง 3 ปี แล้วยังไม่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ว่ามีปัญหาไม่ดีหรือมีสิ่งไม่พึงปรารถนาที่ใดที่เกิดจากประชาชน เพราะผลจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีแต่นักการเมืองไม่ชอบใจหรือไม่สมประโยชน์ และเห็นว่าระบบการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ป้องกันเผด็จการรัฐสภา อีกทั้งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 77 วรรค 2 บัญญัติไว้ว่าก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงนำผลการวิเคราะห์และรับฟังความเห็นจากประชาชน จัดให้มีการวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน ซึ่งตามข้อเท็จจริงยังไม่เห็นว่ามีการรับฟังความเห็นของประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย จึงถือว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เข้าข่ายขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พรรคจึงมีมติไม่ร่วมลงชื่อในญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเพราะไม่ถือเป็นนโยบายร่วมกันหรือแผนงานในการทำงาน แต่เป็นเรื่องของหลักคิดทางการเมืองที่แต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเอง และต้องมีจุดยืนของตัวเอง รวมทั้งเห็นว่าสมาชิกรัฐสภาแต่ละคนควรต้องมีจุดยืนของตัวเอง พร้อมกันนี้ยังเห็นว่าการแก้ไขโดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่าง เปรียบเสมือนการตีเช็คเปล่า โดยที่ไม่ทราบว่าจะยกร่างมาอย่างไร และการต้องทำประชามติอีกครั้ง ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น สำหรับการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น นายทวัศักดิ์ กล่าวว่า บทบัญญัติดังกล่าวเป็นเพียงบทเฉพาะกาลและใช้มาแล้ว 2 ปี ซึ่งเหลือเวลาอีก […]