อาชญากรรม

ศาลวางมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอน พร้อมวางแนวทางการเร่งพิจารณาคดีที่คั่งค้าง

ศาล 5 ม.ค.-นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึง กรณีมีชาย อายุ 59 ปี ซึ่งถูกระบุว่ามีตำแหน่งเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 5 ถูกกล่าวหาว่าขับรถชนรถคู่กรณีแล้วหลบหนี ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ยอมให้ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้ผู้บังคับบัญชาของเจ้าตัวรวบรวมข้อเท็จจริงส่งมายังสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือไม่ และหากมีการสอบสวน พบว่าเข้าข่ายเป็นความผิดวินัยร้ายแรงก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยขั้นร้ายแรงต่อไป ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น  อยากขอให้บุคลากรของศาลได้ใช้ความระมัดระวังในการดำรงตนให้สมกับสถานะผู้รักษากฎหมาย มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับของสังคม โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึง มาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลังมีแนวโน้มการแพร่ระบาดระลอกใหม่จากสายพันธุ์โอไมครอน ว่าขณะนี้ศาลยุติธรรมทั่วประเทศได้นำระบบลงทะเบียนคัดกรองกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงผ่านระบบ คิวอาร์โค้ด หากพบคู่ความหรือพยานที่มีประวัติเสี่ยงสูงจะต้องได้รับการตรวจคัดกรองด้วยวิธี ATK ก่อนเข้าสู่บริเวณอาคารศาล โดยระหว่างใช้ห้องพิจารณาคดีจะอนุญาตให้คู่ความและพยานที่ต้องสืบพยานในขณะนั้นเข้าไปห้องพิจารณาเท่านั้น ญาติและพยานปากอื่นต้องนั่งรออยู่ด้านนอกห้องพิจารณาและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่าง ขณะที่ภายในห้องพิจารณาจะมีฉากกั้นใส ระหว่าง บัลลังก์ผู้พิพากษา ฝ่ายโจทก์ ฝ่ายจำเลย พยาน และเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ โดยทุกฝ่ายจะไม่ออกนอกฉากกั้นของฝ่ายตัวเองเด็ดขาด เพื่อลดการสัมผัสใกล้ชิด รวมทั้งวิธีการนำสืบพยานวัตถุก็จะใช้ระบบจอภาพแสดงให้ทุกฝ่ายดูแทนการส่งต่อให้สัมผัส โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุว่า ศาลยุติธรรมได้วางแนวทางในการลดการเดินทางมาศาลให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะคดีแพ่งที่ไม่มีข้อพิพาท เช่น คำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกที่ไม่มีผู้คัดค้าน ศาลจะให้การไต่สวนผ่านระบบออนไลน์ททางจอภาพ ขณะที่คดีที่มีข้อพิพาททั้งแพ่งและอาญานั้นต้องพิจารณาตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต่อความยุติธรรม โดยเฉพาะคดีอาญานั้นยังต้องรักษาสิทธิของจำเลยในการสืบพยานตามหลักเผชิญหน้า จึงต้องเลือกนัดพิจารณากรณีอื่นที่อาจสามารถใช้ระบบออนไลน์ผ่านจอภาพเพื่อลดการเดินทางมายังศาล […]

สตช.5 มค.-พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวถึงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ระลอกใหม่ว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดเชื้อหรือเข้ารับการกักตัวดูอาการจำนวนหนึ่งซึ่งหากเทียบข้อมูลกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาพบว่าจำนวนน้อยกว่าหลายเท่าตัว อีกครั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการตำรวจภูธรต่างๆได้มีการเตรียมแผนสำรองในการรับมือกรณีดังกล่าวไว้แล้ว จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลต่อการทำงานหรือการปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละจุด แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดมากขึ้นก็ได้เตรียมแผนสำรองโดยจะนำกำลังพลจากหน่วยต่างๆไปทำงานทดแทน ส่วนกรณีของคลัสเตอร์ที่เกิดขึ้นจากร้านอาหารกึ่งผับที่มีการแปรสภาพ รวมถึงมีบางสถานบันเทิงแอบเปิดให้บริการ เบื้องต้นสั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยไปตรวจสอบและกำชับไม่ให้มีการกระทำผิดหรือละเมิดกฎหมายซึ่งอาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ covid19 ทุกสายพันธุ์ หากพบสถานที่ใดกระทำความผิดให้ดำเนินคดีอย่างเข้มงวด และให้ปรับแผนการตรวจร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด.-สำนักข่าวไทย

างอาชญากรรมช่วงปีใหม่ จับ ผู้ต้องหากว่า 4 พันราย ส่วนสถิติอุบัติเหตุ พบเกิดอุบัติเหตุ 45 ครั้ง เสียชีวิต 21 คน ส่วนใหญ่ขับรถเร็ว

สตช.5 ม.ค.-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. แถลงผลอำนวยการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุ และการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน เทศกาลปีใหม่ 2565 พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.2564 ถึงวันที่  4 ม.ค.65 ตั้งเป้าลดจำนวนผู้เสียชีวิตไม่เกิน 388 คน บาดเจ็บไม่เกิน 3,339 คน หรือ ลดลงร้อยละ 5 จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา  ซึ่งจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่งผลให้สถิติอุบัติเหตุลดลงตามเป้าในทุกด้าน โดยเกิดอุบัติเหตุ จำนวน 2,707 ครั้ง  ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,515 ครั้ง)  จำนวน 808 ครั้ง  หรืลดลงร้อยละ 22.99  ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต จำนวน 333 ราย […]

“โฆษก บช.ทท.” ชี้กรณีนักท่องเที่ยวอินเดีย หายตัว หลังผลตรวจโควิด เป็นบวก เจอตัวแล้ว เข้ารับการรักษา รพ. ในกรุงเทพฯ