มองจีน

กว่างโจว, 17 ม.ค. (ซินหัว) — ชวนชมผลงานสุดประณีตที่รังสรรค์ขึ้นจากศิลปะการเย็บปักถักร้อยเฉาโจวหรือแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นหนึ่งในการเย็บปักถักร้อยอันมีชื่อเสียงมากที่สุดของจีน ศิลปะการเย็บปักถักร้อยเฉาโจวมีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง (ปี 618-907) และมีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง (ปี 1368-1911) จุดเด่นของศิลปะการเย็บปักถักร้อยเฉาโจวคือมีองค์ประกอบครบถ้วน วิธีเย็บปักถักร้อยหลากหลาย ลวดลายชัดเจนและนูนสูง และเน้นด้ายสีทองและเงิน ทั้งนี้ ศิลปะการเย็บปักถักร้อยเฉาโจวได้รับยกย่องเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ระดับชาติของจีนในปี 2006 – สำนักข่าวซินหัว คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20230117/4b744bbb0c384952848ecf6514ab6449/c.htmlอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/vdo/332997_20230117ขอบคุณภาพจาก Xinhua

หญิงจีนวัย 101 ปี จูบมือขอบคุณหมอ หลังหายโควิด-19

คุนหมิง, 13 ม.ค. (ซินหัว) — ชวนทำความรู้จัก “หยางฮุ่ย”หญิงวัย 26 ปี จากพื้นที่ชนบทในเมืองเป่าซาน มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งชื่นชอบศิลปะการต่อสู้และการออกกำลังกายเพื่อป้องกันตัวเป็นชีวิตจิตใจ หยางใช้อุปกรณ์ทุกชนิดเท่าที่หาได้ตั้งแต่ยางรถยนต์เก่าไปจนถึงเสาไม้เพื่อฝึกฝนความแข็งแกร่ง โดยคลิปวิดีโอการฝึกวิชากังฟูของหยางกลายเป็นคลิปยอดนิยมบนสื่อสังคมออนไลน์จีน จนทำให้เธอมีผู้ติดตามจำนวนหลายล้านคน-สำนักข่าวซินหัว อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/vdo/332300_20230113https://www.youtube.com/watch?v=mt2IAaoRnaUขอบคุณภาพจาก Xinhua

ลูบลิยานา, 16 ม.ค. (ซินหัว) — นักเชิดสิงโตจีนสองคนแสดงลีลาเล่นสกีที่สกีรีสอร์ตควาเวค (Krvavec) แห่งเทือกเขาแอลป์ในสโลวีเนีย เมื่อวันเสาร์ (14 ม.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก การแสดงดังกล่าว ซึ่งผสมผสานวัฒนธรรมการเชิดสิงโตดั้งเดิมของจีนเข้ากับกีฬาสกีดั้งเดิมของสโลวีเนีย ถูกจัดขึ้นเพื่อแบ่งปันความสุขเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 22 ม.ค. ของปีนี้ หวังซุ่นชิง เอกอัครราชทูตจีนประจำสโลวีเนีย กล่าวว่าการเชิดสิงโตได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมจีน โดยการสืบสานวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมอันรวมถึงการเชิดสิงโตถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชาวจีนโพ้นทะเล พร้อมเสริมว่าจีนและสโลวีเนียได้ร่วมมือด้านกีฬาฤดูหนาวอย่างแข็งขันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หวังแสดงความหวังว่าทั้งสองประเทศจะร่วมมือด้านกีฬาฤดูหนาวกันมากขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทั้งสองประเทศและประชาชนใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ด้านเสี่ยนเจี่ยนหง ประธานหอการค้าจีนในสโลวีเนีย กล่าวในฐานะชาวจีนโพ้นทะเลรุ่นใหม่ในสโลวีเนียที่มีสายเลือดจีนอยู่ในตัวว่าความปรารถนาของเหล่าชาวจีนโพ้นทะเลคือการทำให้วัฒนธรรมจีนดั้งเดิมหยั่งรากและเฟื่องฟู ณ ที่แห่งนี้- สำนักข่าวซินหัว คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20230115/781dcf3586964347a9df69f7fd223bf4/c.htmlอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/vdo/332815_20230116ขอบคุณภาพจาก Xinhua

ปักกิ่ง, 16 ม.ค. (ซินหัว) — เมื่อไม่นานนี้ คณะนักวิจัยชาวจีนได้พัฒนาวิธีการสังเคราะห์แป้งเทียมและโปรตีนจากจุลินทรีย์ (microbial proteins) ที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยการใช้ซังข้าวโพด ซึ่งวิธีการนี้สามารถลดต้นทุนการผลิตแป้งเทียมและนำเสนอทางเลือกใหม่ในการผลิตอาหาร รายงานระบุว่าจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก่อให้เกิดความท้าทายอย่างมากต่อความมั่นคงทางอาหาร ดังนั้นการเปลี่ยนของเสียทางการเกษตรให้กลายเป็นอาหารเทียมจึงนับเป็นวิธีการสำคัญในการบรรเทาวิกฤตการณ์ด้านอาหารและบรรลุการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน คณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ สังกัดสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรจีน (CAAS) และสถาบันอื่นๆ ในจีน ได้ใช้ระบบโมเลกุลเอนไซม์หลากชนิด (multi-enzyme) และยีสต์ของขนมปัง เพื่อเปลี่ยนเซลลูโลส (cellulose) ในซังข้าวโพดให้เป็นแป้งเทียม และผลิตโปรตีนจากจุลินทรีย์ด้วยกระบวนการหมักภายใต้สภาวะที่มีก๊าซออกซิเจน (aerobic conditions) ผลการศึกษาพบว่ากระบวนการผลิตทั้งหมดใช้เงินลงทุนค่าอุปกรณ์เพียงเล็กน้อย และไม่ต้องใช้โคเอนไซม์ (coenzyme) หรือพลังงาน รวมถึงไม่นำไปสู่การสูญเสียน้ำตาล ซึ่งก่อให้เกิดความเป็นไปได้ในการผลิตแป้งเทียมและโปรตีนจากจุลินทรีย์ด้วยต้นทุนต่ำ อนึ่ง ผลการศึกษาข้างต้นได้รับการตีพิมพ์ในวารสารไซเอนซ์ บูลเลติน (Science Bulletin)- สำนักข่าวซินหัว คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20230116/bc66ed28cbdf49ca99ba3085fd0d1b73/c.htmlอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/china/332859_20230117ขอบคุณภาพจาก Xinhua

กรุงเทพฯ, 12 ม.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพุธ (11 ม.ค.) สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าของไทย รายงานว่าการส่งออกของไทยสู่จีนมีแนวโน้มกลับมาเป็นบวกอีกครั้งในปี 2023 สืบเนื่องจากประกาศการปรับปรุงความเหมาะสมของนโยบายป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของจีนเมื่อไม่นานนี้ พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานฯ ระบุว่าการปรับปรุงความเหมาะสมของมาตรการรับมือโรคโควิด-19 ของจีนจะกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน การค้าระหว่างประเทศ และความถี่ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการส่งออกไปยังตลาดจีน พูนพงษ์กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายร่วมกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะทำให้จีนนำเข้าสินค้าจากไทยในราคาถูกขึ้น โดยเฉพาะผลไม้ ผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าแฟชั่น อนึ่ง สำนักงานฯ ชี้ว่าจีนเป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่อันดับสองของไทย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 12 ของยอดส่งออกทั้งหมด โดยมีส่วนแบ่งผลไม้และผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างผลิตอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนรถยนต์ คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20230112/a414bef7ae6c48e18e087302ecdfe39d/c.htmlอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/china/331985_20230112ขอบคุณภาพจาก Xinhua

ปักกิ่ง, 12 ม.ค. (ซินหัว) — จีนวางแผนปล่อยจรวดขึ้นสู่ห้วงอวกาศกว่า 60 ครั้งในปี 2023 โดยคาดการณ์ว่าบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการบินและอวกาศแห่งประเทศจีน (CASC) จะปล่อยจรวดมากกว่า 50 ครั้ง และบริษัทอวกาศจีนแห่งอื่นจะปล่อยจรวดมากกว่า 10 ครั้ง ในจำนวนนี้ จรวดขนส่งลองมาร์ช-2เอฟ (Long March-2F) และลองมาร์ช-7 (Long march-7) จะปฏิบัติภารกิจสำหรับปฏิบัติการของสถานีอวกาศจีน ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการตามปกติและเข้าสู่ขั้นแรกของการประยุกต์ใช้และพัฒนาแล้ว มีการคาดว่าจรวดขนส่งลองมาร์ช-6 (Long March-6) รุ่นปรับปรุง จะขึ้นบินเที่ยวแรกในปี 2023 โดยจรวดซึ่งขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงเหลวที่ทำจากออกซิเจนเหลวและเคโรซีนนี้ ถือเป็นจรวดขนส่งรุ่นแรกของจีนที่ใช้เชื้อเพลิงที่ไม่เป็นพิษและไม่ก่อให้เกิดมลพิษ พีอาร์-1 (PR-1) เป็นจรวดเชื้อเพลิงแข็งขนาดใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน และส่งดาวเทียมจำนวน 6 ดวงขึ้นสู่วงโคจรที่กำหนดสำเร็จเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนจรวดพีอาร์-2 (PR-2) คาดว่าจะถูกปล่อยสู่อวกาศช่วงครึ่งแรกของปี 2023 จีนจะเดินหน้าส่งเสริมโครงการสำรวจดวงจันทร์และดาวเคราะห์ต่อไป รวมถึงดำเนินการพัฒนายานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ-7 (Chang’e-7) ยานสำรวจดาวอังคารเทียนเวิ่น-2 (Tianwen-2) และยานสำรวจรุ่นอื่นๆ ในปี 2023 อนึ่ง วันที่ 3 […]

ซีอัน, 12 ม.ค. (ซินหัว) — วันพฤหัสบดี (12 ม.ค.) สำนักโบราณวัตถุวัฒนธรรมมณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เปิดเผยการขุดพบทหารดินเผาเพิ่มกว่า 220 ตัว จากหลุมฝังศพใกล้กับสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ในมณฑล การค้นพบดังกล่าวมีขึ้นระหว่างการขุดค้นครั้งใหญ่ที่เริ่มต้นเมื่อปี 2009 ซึ่งถือเป็นการขุดค้นทางโบราณคดีครั้งที่ 3 ของหลุมหมายเลขหนึ่ง ในพื้นที่ขนาดประมาณ 430 ตารางเมตร โดยคณะนักโบราณคดียังขุดพบม้าดินเผา 16 ตัว รถม้า 4 คัน อาวุธบางส่วน และอุปกรณ์การผลิต เซินเม่าเซิ่ง นักวิจัยจากพิพิธภัณฑ์สุสานจักรพรรดิฉินสื่อหวงหรือจิ๋นซีฮ่องเต้ ระบุว่าทีมวิจัยพบความคืบหน้าหลายประการระหว่างการขุดค้น อาทิ คำอธิบายเบื้องต้นเกี่ยวกับรูปแบบการจัดขบวนกองทัพทหารดินเผาภายในหลุม รวมถึงขั้นตอนการผลิตทหารดินเผาที่จะมีการแกะสลักรายละเอียดบนร่างรูปปั้นก่อนประกอบเข้ากับแขน อนึ่ง หลุมหมายเลขหนึ่งเป็นหลุมฝังศพขนาดใหญ่ที่สุดที่พบใกล้กับสุสานฯ และครอบคลุมพื้นที่ 14,260 ตารางเมตร โดยมีการสันนิษฐานจากการจัดเรียงแถวกองทหารว่าหลุมแห่งนี้อาจมีรูปปั้นทหารและม้าดินเผามากกว่า 6,000 ตัว หากเสร็จสิ้นการขุดสำรวจอย่างเต็มรูปแบบ-สำนักข่าวซินหัว คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20230112/148b8a0e6a2e4e92b9dab8e1506c4aee/c.htmlอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/china/331982_20230112ขอบคุณภาพจาก Xinhua

เซี่ยงไฮ้, 12 ม.ค. (ซินหัว) — บรรดาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อการเดินทางของจีนมียอดจองการเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกเพิ่มขึ้น หลังจากจีนปรับลดระดับการจัดการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ตั้งแต่วันอาทิตย์ (8 ม.ค.) ที่ผ่านมา จีนได้ปรับเปลี่ยนการรับมือกับโรคโควิด-19 ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึง 20 มาตรการในเดือนพฤศจิกายน และ 10 มาตรการใหม่ในเดือนธันวาคม ตลอดจนเปลี่ยนชื่อเรียกโรคโควิด-19 ในภาษาจีนจาก “โรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” เป็น “การติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” ถงเฉิง ทราเวล (Tongcheng Travel) ผู้ให้บริการด้านการเดินทางออนไลน์ รายงานว่ายอดจองบัตรโดยสารเครื่องบินขาเข้าและขาออกในวันอาทิตย์ (8 ม.ค.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 628 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับเที่ยวบินขาเข้า ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ หนานจิง กว่างโจว เฉิงตู และหนานหนิง ขณะจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวขาออกครอบคลุมกว่า 100 เมืองใน 53 ประเทศและภูมิภาค ข้อมูลจากทริปดอตคอม กรุ๊ป (Trip.com Group) หรือซีทริป (Ctrip) ชี้ว่าเที่ยวบินที่มาจากหรือมุ่งหน้าสู่เขตบริหารพิเศษมาเก๊าของจีน […]

ปักกิ่ง, 10 ม.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันจันทร์ (9 ม.ค.) สำนักบริหารศุลกากรทั่วไปของจีน รายงานพบการเดินทางของผู้โดยสารขาเข้าประเทศ 251,045 ครั้ง เมื่อวันอาทิตย์ (8 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกหลังการปรับเปลี่ยนนโยบายรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ครั้งใหญ่ของจีน จีนเริ่มจัดการกับโรคโควิด-19 ด้วยมาตรการต่อต้านโรคติดเชื้อระดับบี (Class B) จากเดิมระดับเอ (Class A) ตั้งแต่วันอาทิตย์ (8 ม.ค.) ที่ผ่านมา สำนักฯ ระบุว่าจีนรองรับเรือขาเข้า 396 ลำ เที่ยวบินขาเข้า 325 เที่ยว รถบรรทุกขาเข้า 6,323 คัน และรถไฟขาเข้า 83 ขบวน ในช่วงเวลาดังกล่าว-สำนักข่าวซินหัว คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20230109/eaedc445ed044dcd8f585c3a16c2de76/c.htmlอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/china/331405_20230110ขอบคุณภาพจาก Xinhua

ปักกิ่ง, 10 ม.ค. (ซินหัว) — กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน เปิดฉากนิทรรศการซึ่งมุ่งเน้นเรื่องราวของพระราชวังฤดูร้อนเก่า หรือหยวนหมิงหยวน และพระราชวังฤดูร้อนเฉิงเต๋อ เมื่อวันจันทร์ (9 ม.ค.) ที่ผ่านมา นิทรรศการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 4 ส่วน จัดแสดงความวิจิตรงดงามของสถาปัตยกรรมราชวงศ์ชิง (ปี 1644-1911) ผ่านสื่อต่างๆ เช่น จอกราฟิก ภาพวาดจีน และแบบจำลองเชิงกายภาพ โดยผู้เข้าชมจะได้ดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมและความสำเร็จด้านศิลปะของพระราชวังทั้งสองแห่ง ด้วยการสนับสนุนจากเทคโนโลยีการฟื้นฟูด้วยระบบดิจิทัล และเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนหรือวีอาร์ (VR) นิทรรศการนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานบริหารหยวนหมิงหยวนและวิทยาลัยวิจิตรศิลป์แห่งชาติจีน โดยจะจัดแสดงต่อเนื่องจนถึงวันที่ 8 ก.พ. อนึ่ง พระราชวังฤดูร้อนเฉิงเต๋ออยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งไปทางเหนือราว 230 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อปี 1703 ในสมัยราชวงศ์ชิง เป็นสถานที่ประทับของจักรพรรดิพระองค์ต่างๆ ในช่วงฤดูร้อน รวมถึงใช้ต้อนรับทูตและผู้นำเผ่าต่างๆ – สำนักข่าวซินหัว คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20230109/0b55c561a1604bc19f78c0a5900d43ef/c.htmlอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/china/331434_20230110ขอบคุณภาพจาก Xinhua