เปิดอลังการงาน“ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี”

เมืองทองธานี 8 ส.ค.- เปิดแล้ววันแรกงานศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ประจำปี 2563 และงานที่สายเที่ยวห้ามพลาดงานชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ทั่วไทย รวมไว้ไนที่เดียว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-16 สิงหาคม 2563 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จัดโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อสืบสานงานผลิตภัณฑ์ทรงคุณค่าของโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ รวมถึงเพิ่มช่องทางจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอทอป (OTOP) เมื่อเวลา 07.29 น. วันนี้ (8 ส.ค.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานกระทำพิธีสักการะและบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาทิ ศาลตายาย ศาลพระพรหม ศาลเทวาลัยพระศิวะมหาเทพ พระพิฆเนศวร์ ศาลาเทวดา เจ้าแม่ธรณี ศาลพระภูมิชัยมงคล และเจ้าปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธ เพื่อให้การจัดงานในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย […]

ตาวัย 83 จะไปหาหมอเจอหญิงเพื่อนบ้านไล่ฟันบาดเจ็บ คาดป่วยทางประสาท

ฉะเชิงเทรา 8 ส.ค.- วงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ทหารหญิงยศร้อยเอก วัย 45 ปี คาดป่วยทางประสาท ใช้มีดไล่ฟันเพื่อนบ้านตาวัย 83 ปี บาดเจ็บเช้านี้ย่านบางปะกง-ฉะเชิงเทรา ขณะจะไปหาหมอ เช้าวันนี้ (8 ส.ค.) ตำรวจ สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เข้าจุดเกิดเหตุพื้นที่หมู่ 10 ต.บางปะกง และเจรจาเกลี้ยกล่อมหญิง อายุ 45 ปี ทหารหญิงยศร้อยเอก อยู่ภายในบ้านพัก หลังจากก่อเหตุใช้มีดฟันไล่ฟันชาย วัย 83 ปี เพื่อนบ้านได้รับบาดเจ็บ และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวสามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้เมื่อเวลา 06.46 น. (8 ส.ค.) ผู้บาดเจ็บยืนอยู่หน้าบ้านกำลังจะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลบางปะกง ขณะเดียวกันผู้ก่อเหตุได้ถือมีดออกจากบ้านแล้วตรงเข้าไปทำร้าย ทำให้ชายดังกล่าวรีบวิ่งหนีกลับเข้าบ้าน และญาติรีบพาตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนานเกือบ 30 นาที จึงพาตัวมาที่ สภ.บางปะกง เบื้องต้นยอมรับว่าก่อเหตุ แต่ไม่บอกว่าเป็นเรื่องอะไร เจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่พยานแวดล้อมระบุว่าผู้ก่อเหตุพักอยู่คนเดียว น่าจะมีอาการป่วยทางประสาท เพราะเคยพยายามก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ตรวจเข้มโรงงานแอมโมเนียมฯ ที่ระยอง พบระบบการจัดเก็บมีมาตรฐานดี

ระยอง 7 ส.ค.- รองอธิบดีกรมโรงงานฯ ห่วงประชาชนกังวลข่าวเหตุเลบานอนคลังสารแอมโมเนียมไนเตรทระเบิด เผยไทยมีโรงงานผลิตเพียงแห่งเดียวที่ระยอง ผลตรวจมีระบบการจัดเก็บรัดกุมได้มาตรฐาน รวมถึงกระบวนการผลิต นายกรณ์ภัฐวีญ์ ม่วงน้อย รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่จังหวัดระยอง วันนี้ (7 ส.ค.) ตรวจสอบบริษัทไนเตรทไทย จำกัด เป็นโรงงานผลิตสารแอมโมเนียมไนเตรท ตั้งอยู่ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กำชับให้ติดตามตรวจสอบโรงงานและคลังเก็บสารประเภทดังกล่าวทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน หลังเกิดเหตุระเบิดที่ประเทศเลบานอนจากคลังเก็บสารแอมโมเนียมไนเตรท ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก นายกรณ์ภัฐวีญ์ กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวนอกจากมีการจัดเก็บที่ได้มาตรฐานแล้ว ยังวางมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นอย่างดี โดยระบบการจัดเก็บสารแอมโมเนียมไนเตรทได้ทำการจัดเป็นสัดส่วนไม่ปะปนสารอื่น และขั้นตอนในกระบวนการผลิตมีมาตรฐานปลอดภัย เชื่อว่าทางกายภาพเคมีสารแอมโมเนียมไนเตรทแล้วจะไม่ติดไฟและจะไม่สามารถระเบิดได้ การที่จะระเบิดได้นั้นจะต้องมีเชื้อปะทุหรือน้ำมันเชื้อเพลิง ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ สำหรับประเทศไทยมีโรงงานสารแอมโมเนียมไนเตรทเหลวอยู่เพียงแห่งเดียวที่จังหวัดระยองเป็นโรงงานมีกำลังการผลิต 70,000 ตันต่อปี ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมประเภทเหมืองถ่านหินและเหมืองปูนซิเมนต์ บางส่วนส่งออกต่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

พิสูจน์อีกลอตหนังสือบุดโบราณส่งคืนกว่า 100 เล่ม

นครศรีธรรมราช 7 ส.ค.- ศูนย์รับบิณฑบาตหนังสือบุดฯ นครศรีธรรมราช เปิดกล่องพิสูจน์อีกลอตหนังสือบุดโบราณส่งคืนกว่า 100 เล่ม และดาบโบราณ พร้อมฟื้นฟูตำรายันต์เล่มสำคัญ หลังจับผู้ต้องหารับสารภาพทิ้งทำลายหลักฐานในคูน้ำ ด้านตำรวจยังเร่งขยายผลจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม วันนี้ (7 ส.ค.) ที่ห้องประชุมพุทธสมาคม วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช พระครูเหม เจติยาภิบาล พระผู้ประสานงานศูนย์รับบิณฑบาตหนังสือบุดสมุดข่อยนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ดร.สมปอง รักษาธรรม รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ประชุมความพร้อมก่อนเปิดกล่องพัสดุถูกส่งมาจากหลายพื้นที่มีทั้งจังหวัดเชียงใหม่ ระยอง ขอนแก่น และกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ส่งคืนนั้นแจ้งว่าซื้อมาโดยไม่ทราบว่าเป็นหนังสือบุดที่หายไป จึงแสดงเจตนาส่งคืนโดยไม่มีเงื่อนไข ขณะที่ศูนย์บิณฑบาตฯ ยืนยันว่าหากส่งคืนผ่านศูนย์จะไม่มีการขยายผลใด ๆ โดยหนังสือบุดที่สูญหายนั้นได้ยืนยันทางทะเบียนทั้งหมดมีจำนวน 309 เล่ม สำหรับการส่งคืนรอบนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจนับจำนวนมีกว่า 100 เล่ม มีทั้งบุดดำ บุดขาว บุดตีนช้าง และมีดดาบโบราณ 1 เล่ม จากทั้งหมดสูญหายในส่วนวัตถุโบราณประเภทอาวุธโบราณ และผ้าโบราณรวม 29 รายการ ส่วนหนังสือที่มีการส่งคืนมาก่อนหน้านี้มีจำนวน 148 เล่ม […]

ดีอีเอส ถก มท-กรุงไทย เล็งทำแพลตฟอร์มกลางแก้ปัญหายืนยันตัวตน

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. ดีอีเอส ถก มหาดไทย กรุงไทย ดันแพลตฟอร์มกลางยืนยันตัวตนแค่ถ่ายเซลฟี่ คาดออกให้บริการสิ้นปีนี้  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวในการเปิดหลักสูตร ผู้บริหารดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (GCIO) หลักสูตรสำหรับผู้บริหารเพื่อเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ดิจิทัลว่า เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วตนได้ไปหารือกับกระทรวงมหาดไทย และธนาคารกรุงไทยเพื่อพัฒนา แพลตฟอร์มยืนยันตัวตนเพื่อระบบกลางในการยืนยันตัวตนบุคคลโดยประชาชนที่ต้องการยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรมสามารถเซลฟี่ใบหน้าตัวเองส่งเข้ามาในแพลตฟอร์ม จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยืนยันตัวตนกับสำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเมื่อยืนยันตัวตนแล้วจะส่งข้อมูลกลับมาที่แพลตฟอร์มเพื่อให้หน่วยงานที่ต้องการนำไปทำธุรกรรมดำเนินการต่อ วิธีนี้จะทำให้การยืนยันตัวตนทำได้สะดวกขึ้น โดนกระทรวงมหาด ไทยไม่ต้องให้หน่วยงานอื่นเข้ามาในระบบ ขณะเดียวกันจะมีข้อมูลใบหน้าของประชาชนที่อัพเดทมากขึ้น ส่วนธนาคารหรือหน่วยงานที่จะทำธุรกรรมกับประชาชนจะได้ความคล่องตัวในการทำธุรกรรมที่รวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้สัปดาห์หน้าตนจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทบทวนกระบวนการทำงานของแพลตฟอร์มอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนที่จะลงมือพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อนำมาทดสอบก่อนใช้งานจริงภายในปีนี้  นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่สำคัญอีกประการคือบิ๊กดาต้าภาครัฐที่ต้องมีความพร้อมและมีความเชื่อมโยงให้ทุกหน่วยงานใช้บิ๊กดาต้าให้เป็นประโยชน์ในการให้บริการประชาชน การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2564 สำนักงบประมาณได้ตัดงบประมาณในการเช่าคลาวด์ของหน่วยราชการไปทั้งหมด เพื่อให้ทุกหน่วยงานมาใช้บริการคลาวด์ภาครัฐ ตัดปัญหาค่าใช้จ่ายที่ไม่เท่ากันและความกระจัดกระจายของข้อมูล และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้หน่วยราชการเชื่อมโยงข้อมูลอยู่ในพื้นที่เดียวกัน  -สำนักข่าวไทย

“พล.อ.ประวิตร” สั่งเร่งเครื่องศักยภาพนักกีฬาพร้อมลุยซีเกมส์

กกท. 7 ส.ค.- “พล.อ.ประวิตร” ลั่นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์เวียดนาม พร้อมเตรียมเป็นเจ้าภาพ Asian indoor martial arts Games 2021 ยุคนิวนอร์มัล เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 ส.ค.63) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย (คอท.) ครั้งที่ 3/2563 ณ ห้องประชุม อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. เพื่อรับทราบและติดตามผลการดำเนินงานและการเตรียมการแข่งขันกีฬารายการต่าง ๆ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ตามที่ได้มีการเลื่อนการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 จะเป็นโอกาสดี ที่นักกีฬาไทยจะได้เตรียมฝึกซ้อมและควอลิฟายให้ผ่านการคัดเลือกให้มากขึ้น สมาคมกีฬาทุกประเภทจะต้องทำการฝึกซ้อมนักกีฬา อย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรการผ่อนปรนของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด สำหรับการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียน อินดอร์ แอน มาเชี่ยล อาร์ท เกมส์ […]

ดีอีเอสชี้บทบาทซีไอโอต้องเปลี่ยน เน้นรู้ครบปรับตัวเร็ว

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. รมว.ดีอีเอส ย้ำซีไอโอต้องรู้ครบรอบด้านปรับตัวเร็ว พร้อมจัดหลักสูตรผู้บริหารดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(GCIO) Transform องค์กรของรัฐสู่ Digital นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)  กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรผู้บริหารดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (GCIO) หลักสูตรเข้มข้นสำหรับผู้บริหารเพื่อ Transform องค์กรสู่ Digital  เพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาบริการของภาครัฐ ว่า บทบาทของซีไอโอ หรือผู้บริหารด้านสารสนเทศเปลี่ยนไป ซีไอโอไม่ใช่ต้องรู้เฉพาะเรื่องของหลวงงานตัวเอง แต่ต้องรู้ทั้งระบบคือทั้งหน่วยงานตัวเองและระบบทั้งหมดของกระทรวง นอกจากนี้ต้องตระหนักถึงปัญหาสำคัญที่สังคมเผชิญอยู่โดยเฉพาะปัญหาข่าวปลอม หรือเฟคนิวส์ที่เป็นปัญหาของประเทศถ้าไม่จัดการ กระทรวงดิจิทัลฯ ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อตั้งศูนย์แก้ปัญหาและสร้างทีมงานขึ้นมาดูแล เมื่อปัญหาเฟคนิวส์เป็นปัญหาระดับประเทศซีไอโอต้องรอบรู้และเข้าใจปัญหาเพื่อช่วยกันแก้ ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีเปลี่ยนทุกวัน การเอาดิจิทัลมาใช้และมีซีไอโอ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส ก่าวอีกว่า ซีไอโอเข้าใจกระบวนการทั้งหมด การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัลไม่ใช่แค่เปลี่ยนอุปกรณ์ ผู้บริหารต้องเปลี่ยนกระบวนความคิด เข้าใจระบบ พร้อมเปลี่ยนแปลงและเข้าใจปัญหา และต้องทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าใจและอยากเปลี่ยนแปลง เมื่อทุกคนในองค์กรพร้อมแล้วจึงค่อยทำการเปลี่ยนแปลง มีสถิติการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของคนไทยในปีนี้พบว่า ปัจจุบันคนไทยใช้สมาร์ทโฟนร้อยละ 187 ใช้โทรศัพท์มือถือทำงานร้อยละ 108 ดังนั้นแสดงว่าประชาชนที่คอยจะใช้บริการดิจิทัลมีความพร้อมเต็มที่ ดังนั้นหน่วยงานก็ต้องพร้อมจะให้บริการประชาชนในช่องทางที่ประชาชนพร้อมใช้งานด้วย นอกจากคนไทยใช้โทรศัพท์มือถือมาก คนไทยยังใช้สื่อโซเชียลมีเดียมากที่สุดในโลก สถตินี้ยอกเราว่าประชาชนพร้อมใช้บริการทางดิจิทัล ถ้าหน่วยงานรัฐไม่พร้อมและยังมีข้อจำกัดจะให้บริการประชาชนไม่ได้ นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า หลักสูตรสำหรับซีไอโอ มุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัลให้กับผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงและผู้ช่วยผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง เพื่อขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนภาครัฐไปสู่องค์กรดิจิทัลให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่วางเป้าหมายให้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้แก้ไขปัญหาของประชาชนพร้อมกับส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้ร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนให้มุ่งไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์พร้อมกัน โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลข้อมูลขนาดใหญ่ และนวัตกรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของรัฐให้ทันสมัยรวดเร็ว ปลอดภัยอย่างมีคุณภาพ          ดังนั้นบทบาทการปรับเปลี่ยนภาครัฐไปสู่รัฐบาลดิจิทัลจึงเป็นภารกิจความรับผิดชอบหลักของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ หรือ Government Chief Information Officer (GCIO) อีกทั้งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรภาครัฐทุกคนที่จะต้องให้ความร่วมมือกันในการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการทำงาน เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย Platform เพราะการให้บริการภาครัฐต่อจากนี้จะเปลี่ยนไป ประชาชนจะเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้มากขึ้น มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐ ประชาชนจะได้รับบริการจากภาครัฐที่สะดวก ใช้บัตรประชาชนใบเดียวดำเนินการแบบ One-Stop Service พร้อมนำข้อมูลเปิดของหน่วยงานภาครัฐไปต่อยอดพัฒนานวัตกรรมที่สร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม จึงอยากฝากให้นำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมครั้งนี้ไปใช้ในการบริหารงานและการให้บริการประชาชนเพื่อประโยชน์ในการปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัลและขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน มุ่งมั่นที่จะพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน-สำนักข่าวไทย.

ศาลจังหวัดประจวบฯ ประกอบพิธีวันรพี 7 ส.ค. น้อมรำลึกพระบิดาแห่งกฎหมายไทย

ประจวบคีรีขันธ์ 7 ส.ค.- ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำข้าราชการร่วมประกอบพิธีเนื่องในวันรพี 7 ส.ค. เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย วันนี้ (7 ส.ค.) นายสุริยา คชเวช ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานประกอบพิธีเนื่องในวันรพี ตรงกับวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี และน้อมถวายสักการะวางพวงมาลาเบื้องหน้าพระสาทิสลักษณ์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ จากนั้นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการหลายหน่วยงานและภาคเอกชนร่วมกล่าวถวายสดุดีเทิดพระเกียรติ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ทรงมีพระปรีชาสามารถและพระวิริยะอุตสาหะ และทรงเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนกฎหมายขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นนักนิติศาสตร์ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และสอนวิชากฎหมายด้วยพระองค์เอง เพื่อให้มีผู้รู้กฎหมายมากขึ้น ทรงจัดวางระเบียบศาลยุติธรรมสู่ระบบใหม่ ทรงรวบรวมกฎหมายและคำพิพากษา พร้อมแต่งตำราอธิบายกฎหมายต่าง ๆ มากมาย ด้วยพระเกียรติคุณสุดพรรณา ทรงได้รับการยกย่องเป็น “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” และวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์.-สำนักข่าวไทย

อธิบดี พช.ลงพื้นที่นครนายกเปิดงาน “พืชพรรณธัญญาหาร” สร้างความมั่นคงทางอาหาร

นครนายก 6 ส.ค.- “สุทธิพงษ์” อธิบดี พช. เป็นประธานเปิดงาน “พืชพรรณธัญญาหาร จังหวัดนครนายก” สร้างวัฒนธรรมปลูกพืชผักสวนครัวและความมั่นคงทางอาหาร วันนี้ (6 ส.ค.63) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานเปิดงาน “พืชพรรณธัญญาหาร จังหวัดนครนายก” ณ หอศิลป์จังหวัดนครนายก ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก รศ.ดร.สาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง อาจารย์คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และศิลปินที่นำภาพมาร่วมจัดแสดงร่วมพิธีดังกล่าว สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การเสวนาหัวข้อ “วัฒนธรรมปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย” ผู้ร่วมเสวนา รศ.ดร.สาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง นายวิเชียร วงศ์ศุภลักษณ์ นางประภา ปานนิตยกุล นายสุนทร แววมะบุตร (เครือข่ายผู้ปลูกผัก) การแข่งขันวาดภาพพืชผัก หัวข้อ “ปลูกพืชผัก สร้างความมั่นคงทางอาหาร” พร้อมทั้งให้คำแนะนำน้อง ๆ นักเรียนในการวางองค์ประกอบของภาพ และมอบรางวัลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้น้อง ๆ นักเรียนอีกด้วย รับชมนิทรรศการศิลปกรรมร่วมสมัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ […]

จุฬาฯโชว์ผลทดลอง ทดสอบ 5G

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. จุฬาฯโชว์ ผลการทดสอบนำ 5G มาใช้งานจริง  นายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาฯ และพล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ประธาน กสทช. เป็นประธานเปิดงาน 5G for REAL แสดงผลงานการทดลอง/ทดสอบ เทคโนโลยี 5G โดยร่วมกับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบโทรคมนาคม และการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนา กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)  โดยศูนย์ทดลอง/ทดสอบ 5G ที่ตั้งขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้นักวิจัย ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ผลิตอุปกรณ์ระบบโทรคมนาคมร่วมทำแพลตฟอร์มเปิด สำหรับทดสอบ/ทดลอง วิจัยเทคโนโลยี การใช้งานจริง พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี 5 G จุฬาฯ ได้ขออนุญาตกสทช.ใช้คลื่นความถี่ตั้งแต่ 11 ธันวาคม 2562 ถึง 10 ธันวาคม 2567 เป็นเวลา 5 ปี ครอบคลุมพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการทดสอบการรบกวนกันหรือการร่วมใช้คลื่นความถี่ระหว่างเทคโนโลยี 4G และ 5G โดยโครงการทดสอบแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ด้าน healthcare  2 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งข้อมูลภาพการตรวจโรคตาทางไกลผ่านระบบสื่อสารแบบไร้สายเพื่อการผ่าตัด และโครงการพัฒนาการสื่อสารและส่งถ่ายข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในโรงพยาบาล ด้าน smart living และ connected society มี 8 โครงการ คือ โครงการการพัฒนาและควบคุมหุ่นยนต์บริการผ่านโครงข่าย5G โครงการจัดสร้างระบบเครือข่ายเซนเซอร์ตรวจวัดสภาพฝุ่นละอองติดตั้งบน smart pole และรถ pop bus รวมถึงการติดตั้งและทดสอบระบบ CCTV บนรถประจำทาง เพื่อเพิ่มความปลอด ภัยและประสิทธิภาพการใช้งานของผู้โดยสาร CU Pop Bus โครงการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีความจริงเสมือนในพื้นที่มหาวิทยาลัยบนเครือข่าย 5G โครงการพัฒนาต้นแบบยานยนต์อัตโนมัติ และการเคลื่อนย้ายรถระหว่างจุดจอดโครงการติดตั้งและทดสอบระบบการใช้งานเสาไฟยุคหน้า บนเทคโนโลยี 5G โครงการสร้างมิเตอร์อัจฉริยะเฟสเดียวโดยใช้เทคโนโลยี NB-IoT, LoRa และ 5G โครงการติดตั้งระบบควบคุมไฟถนนอัจฉริยะ และโครงการวิเคราะห์และประมวลภาพ VDO แบบเวลาจริงด้วย cloud computing โครงการประเภทอื่นจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการ PolluSmartCell การวิจัยที่อาศัยปรากฏการณ์ทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในโครงข่ายการสื่อสารเพื่อประเมินการเกิด Temperature Inversion ในชั้นบรรยากาศและโครงการอบรมให้ความรู้ความชำนาญในการทดลอง/ทดสอบระบบเครือข่าย 5G และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างประเทศ -สำนักข่าวไทย.

ไว้อาลัย “ภูวดล ป้องสา” หน.ชุดลาดตระเวน อช.เขาแหลม

กาญจนบุรี 6 ส.ค.- อุทยานฯ เขาแหลมสูญเสียบุคลากรคุณภาพ “ภูวดล ป้องสา” หน.ชุดลาดตระเวนขณะปฏิบัติหน้าที่ถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดจมน้ำรันตี เพื่อนในทีมเร่งช่วยสุดกำลัง-ทำ CPR แล้วไม่ฟื้น อธิบดีกรมอุทยานฯ กำชับดูแลเยียวยาครอบครัวเต็มที่และจัดพิธีศพ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า อุทยานฯ เขาแหลมต้องสูญเสียบุคลากรที่มีคุณภาพและขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนายภูวดล ป้องสา เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เขาแหลม ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าชุดลาดตระเวนเส้นทางสันหนอกวัว-กองม่องทะ ระหว่างวันที่ 1-6 สิงหาคม 2563 ปรากฏว่าได้รับรายงานทางวิทยุสื่อสารเมื่อเวลา 22.13 น. วันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมาว่านายภูวดล ประสบเหตุขณะข้ามแม่น้ำรันตี โดยใช้เชือกผูกเอวจะว่ายไปอีกฝั่ง เพื่อโยงเชือกกับต้นไม้ให้เจ้าหน้าที่อีก 5 นาย ได้ไต่ข้ามมาพักบริเวณหน้าจุดสะกัดพ่าบุ่ง อยู่ห่างจากบ้านกองม่องทะ หมู่ 2 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ประกอบกับตลอด 3 วันที่ผ่านมา มีฝนตกหนัก ทำให้แม่น้ำรันตีมีปริมาณเพิ่มสูง และระหว่างที่นายภูวดลว่ายน้ำข้ามไป ปรากฏว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวและพัดร่างนายภูวดล เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ […]

โควิด กระทบ เอไอเอส รายได้ลด ยันทุ่ม 3.5 หมื่นล้านบาททำ 5G ต่อ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. เอไอเอส เผยผลกระทบโควิด ทำไตรมาส 2 รายได้ลด แต่กำไรยังโต ย้ำทุ่มงบ 3.5 หมื่นล้านบาท ลงทุน 5G ต่อ นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่าผลประกอบการ ไตรมาส 2 กำไรสุทธิ อยู่ที่ 7,235 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เติบโตขึ้นร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากการควบคุมต้นทุนได้ดี โดยมีรายได้รวม ลดลงร้อยลั 4.1 อยู่ที่ 42,256 ล้านบาท จากสถานการณ์ แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ซึ่งกระทบต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคในด้านการใช้มือถือ ในขณะที่ ธุรกิจเน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ มีความต้องการจากการล๊อกดาวน์ที่ต้องทำงานจากบ้าน ทำให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 112,200 ราย  “ภาพรวมของผลประกอบการไตรมาส 2 ถือเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาตรการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจ ธุรกิจโทรคมนาคมได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวและการปิดบริการชั่วคราว AIS Shop, Serenade Club และ AIS Telewiz ในพื้นที่ตามประกาศของภาครัฐ รวมถึง การสนับสนุนมาตรการของกสทช.เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้ใช้บริการ ทั้งการมอบดาต้าและค่าโทรฟรีในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม เป็นอีกสาเหตุที่ส่งผลต่อรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ในส่วนธุรกิจเน็ตบ้านได้รับผลเชิงบวกจากการที่ลูกค้าต้องทำงานหรือเรียนหนังสือจากบ้าน ทำให้มีความต้องการติดเน็ตบ้านสูงขึ้น การทำงานที่บ้านและเรียนที่บ้านส่งผลให้การใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 15 เทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่เฉลี่ย 17 กิกะไบต์ต่อเดือน และสัดส่วนลูกค้าที่ใช้ 4G ยังเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 75 ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอสไฟเบอร์ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีลูกค้าใหม่เพิ่มสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการ จากความต้องการติดเน็ตบ้านในช่วงโควิด ส่งผลให้มีลูกค้ารวม 1.2 ล้านราย และมีรายได้จากธุรกิจเน็ตบ้าน 1,683 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนธุรกิจลูกค้าองค์กรก็ยังคงเติบโตจากความต้องการใช้บริการโซลูชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Data Center, Cloud และICT solution เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง” นายสมชัย กล่าว  นายสมชัย กล่าวอีกว่า ผลกระทบจากสถานการณ์บริษัทมุ่งเน้นที่จะบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อคงความแข็งแรงของกระแสเงินสดให้สามารถลงทุนในธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุน 5G เพื่อการเติบโตในระยะยาว เอไอเอสได้ขยายเครือข่าย 5G ครบ 77 จังหวัด และครอบคลุมเต็มพื้นที่ 100% นิคมอุตสาหกรรมใน EEC แล้ว ปักหมุดให้ประเทศ ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเครือข่าย 5G ให้บริการเต็มพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม ยกระดับ ไทยสู่ผู้นำเครือข่าย 5G ในระดับภูมิภาค พร้อมดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC โดยเอไอเอสได้ประกาศวิสัยทัศน์“AIS 5G – Forging Thailand’s Recovery” นำ 5G ร่วมฟื้นฟูประเทศไทยในทุกมิติ ภายใต้การผนึกกำลังกับผู้นำอุตสาหกรรมทุกภาคส่วน ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม -สำนักข่าวไทย.

1 56 57 58 59 60 16,774
...