ทีมนักปั่นนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ถึงประจวบฯ แล้ว

ประจวบคีรีขันธ์ 6 ต.ค.- รองผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ ต้อนรับทีมนักกีฬา 11 ประเทศสตาร์ทจากสมุทรสงครามถึงอุทยานราชภักดิ์แล้ว ในการแข่งจักรยานทางไกลเฉลิมพระเกียรติฯ 1200.9 กม. สมุทรสงคราม-สุราษฎร์ฯ ภายใต้การคุมเข้มโควิด-19 วันนี้ (6 ต.ค.) ที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายคมสัน เจริญอาจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัด พร้อมหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับคณะนักกีฬา 12 ทีม จาก 11 ประเทศ ในการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (The Princess Maha Chakri Sirindhorn’s Cup Tour of Thailand 2020) วันที่ 6-16 ต.ค.2563 เส้นทางสมุทรสงคราม – เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร […]

เผยแนวโน้มหุ่นยนต์ทางการแพทย์กำลังได้รับความนิยมเพราะคนเลี่ยงการสัมผัส

กรุงเทพ 6 ต.ค. ผู้เชี่ยวชาญชี้ โควิด-19 ทำให้หุ่นยนต์ทำงานกับระบบสุขภาพ ได้รับความสนใจ เชื่อ 5 ปี โตถึงร้อยละ 34  นายดาร์เรลล์ อดัมส์ หัวหน้าผู้ดูแลภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียของบริษัท ยูนิเวอร์ซัล โรบอท  กล่าวว่าการระบาดของโควิด-19 ทำให้ “โคบอทส์” หุ่นยนต์ที่ใช้ในภาคส่วนสุขภาพทั่วโลกหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน เติบโตเร็วที่สุดในภาคส่วนอุตสาหกรรมหุ่นย์โคบอทส์”(Collaborative robots: Cobost) ได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับมนุษย์  โดยมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ระดับโลกกับ โควิด -19  การปรับใช้โคบอทเพื่อรับมือกับภาวะการระบาด เช่น การดูแลสุขภาพการทดสอบทางการแพทย์ การจัดการด้านสุขอนามัย การฆ่าเชื้อโรค อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการผลิตและทำให้การดำเนินงานมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น “การระบาดของ โควิด – 19  ทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ บริษัททั่วโลกและในสิงคโปร์จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนและปรับตัวเพื่อรับมือกับความเป็นจริงใหม่นี้ให้ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว และการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้งานก็กำลังได้รับการส่งเสริมเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับขั้นตอนการปฏิบัติงานในมาตรฐานใหม่ ซึ่งรวมถึงการเว้นระยะห่างทางกายภาพและการสัมผัสกับมนุษย์ให้น้อยที่สุด จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ่นยนต์ที่ได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับมนุษย์หรือหุ่นยนต์ร่วมปฎิบัติงาน ที่เรียกว่า “โคบอทส์” ถูกวางตัวให้รับมือกับความท้าทายเหล่านี้” การลดการติดต่อของมนุษย์และการปกป้องผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์จาการติดเชื้อ ทำให้แอปพลิเคชันด้านโคบอทในด้านสุขภาพและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและออกมาให้เห็นทั่วโลกในปีนี้  นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University: NTU) ในสิงคโปร์ใช้โคบอท5 ตัว ที่มาพร้อมหัวฉีดพ่นระบบไฟฟ้าสถิตและติดตั้งอยู่บนแพลตฟอร์มแบบเคลื่อนที่ได้ โดยโคบอทถูกตั้งโปรแกรมให้เลียนแบบการเคลื่อนไหวของมือมนุษย์เพื่อให้สามารถเข้าไปยังบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึง เช่น ใต้เตียงและใต้โต๊ะ ทางบริษัทผู้ผลิตได้พัฒนาหุ่นยนต์ป้ายลำคอตัวแรกของโลกขึ้นภายใต้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นเดนมาร์ก (University of Southern Denmark: SDU) หุ่นยนต์ตัวนี้ใช้แขนโคบอท ยูอาร์ 3 (UR3)  ที่ติดตั้งพร้อมกับปลายแขนกลซึ่งสามารถออกแบบและสร้างขึ้นได้ตามต้องการโดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ โดยโคบอทส์รุ่นนี้ช่วยให้กระบวนการตรวจป้ายลำคอสามารถเสร็จสิ้นได้ภายในเวลา 7 นาทีและใช้เวลาเพียง 25 วินาทีในการล้างทำความสะอาดตัวเอง บริษัท เบรน เนวี่ ไบโอเทคโนโลยี ประเทศไต้หวันได้พัฒนาหุ่นยนต์เก็บตัวอย่างอัตโนมัติด้วยวิธีการล้วงเข้าไปในโพรงจมูกตัวแรกของโลกโดยใช้โคบอท ยูอาร์ (UR)    โคบอทรุ่นนี้สามารถจดจำโครงสร้างใบหน้าของผู้ป่วยได้โดยอัตโนมัติ ทั้งยังสามารถระบุตำแหน่งของโพรงจมูก ถือไม้ป้ายโพรงจมูก (ลักษณะเหมือนไม้พันสำลีแบบยาว) โดยใช้มือหุ่นยนต์จับ แล้วแทงไม้ป้ายเข้าไปในช่องจมูกของผู้ป่วยโดยอัตโนมัติและค้างอยู่ประมาณ 10 ถึง 25 วินาทีเพื่อเก็บรวบรวมตัวอย่างสารคัดหลั่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาดำเนินการเพียง 2-5 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้สามารถเก็บตัวอย่างได้เกือบ 100 คนภายในเวลา 8 ชั่วโมง กระบวนการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์ จะมีก็เพียงแค่ขั้นตอนการตั้งค่าการสแกนตำแหน่งใบหน้าเริ่มต้นเท่านั้นที่จำเป็นต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ยืนอยู่หลังแผงป้องกัน ทั้งนี้ หุ่นยนต์ป้ายลำคอและโพรงจมูกจะช่วยปกป้องเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ด้วยการลดการสัมผัสระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการติดเชื้อ ณ จุดที่ทำการทดสอบ ตลาดของหุ่นยนต์โคบอทมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 3 ของการใช้จ่ายด้านหุ่นยนต์ทั่วโลกในปี 2561 แต่ ณ ปัจจุบันโคบอทส์กลับมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วสูงสุดในภาคส่วนของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ทั้งนี้เป็นที่คาดกันว่า ภายในปี 2568 อัตราการเติบโตของโคบอทจะก้าวกระโดดจากที่จำกัดแค่ในตลาดเฉพาะทางไปเป็นผลิตภัณฑ์กระแสหลัก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 34 ของการใช้จ่ายด้านหุ่นยนต์ทั่วโลก-สำนักข่าวไทย.

เผยธปท.ขายพันธบัตรบนแพลตฟอร์มบล็อกเชนแล้ว 5 หมื่นล้านบาท

กรุงเทพฯ 6 ต.ค. ไอบีเอ็ม เผยธนาคารแห่งประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทภายในสองสัปดาห์ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน นางสาวปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็มประเทศไทย กล่าวว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยให้กระบวนการออกพันธบัตร ที่เกี่ยวข้องกับผู้ออกพันธบัตร ผู้จัดจำหน่ายนายทะเบียน และนักลงทุน รวมถึงผู้มีส่วนร่วมในอีโคซิสเต็ม มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น ช่วยให้แพลตฟอร์มพันธบัตรรัฐบาลเป็นแหล่งข้อมูลหนึ่งเดียวที่ให้ข้อมูลเรียลไทม์ที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้แก่ทุกฝ่ายที่อยู่ในเครือข่าย อีกทั้งยังช่วยลดกระบวนการการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่มีความซ้ำซ้อน และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการกระทบยอดบัญชี นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถซื้อพันธบัตรเต็มสิทธิ์ได้ที่ธนาคารเดียว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับพันธบัตรรัฐบาลที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานแปดแห่ง ประกอบด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ประเทศไทย) สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และธนาคารตัวแทนจำหน่าย ประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทยธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ โดยมีเทคโนโลยีบล็อกเชนและแพลตฟอร์มคลาวด์ของไอบีเอ็มรองรับ การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลสร้างประโยชน์และคุณค่าในเชิงธุรกิจแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ลงทุนได้รับพันธบัตรรวดเร็วขึ้น ลดประมาณงานและระยะเวลาในการดำเนินการของผู้ออกพันธบัตร ผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน อีกทั้งยังเพิ่มความโปร่งใสและลดต้นทุนการดำเนินการตลอดกระบวนการ  “ความสำเร็จของโครงการพันธบัตรรัฐบาลของธนาคารแห่งประเทศไทย ถือเป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถพลิกโฉมการดำเนินงานของธุรกิจ ผ่านกระบวนการที่ลดความซับซ้อน และทำให้ความร่วมมือของหน่วยงานหลายฝ่ายเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น โปร่งใสขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นางสาวปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทยกล่าว “ไอบีเอ็มมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้นำแพลตฟอร์มบล็อกเชนระดับโลกและไอบีเอ็มคลาวด์เข้าสนับสนุนธนาคารแห่งประเทศไทยและมีส่วนร่วมทำงานเคียงข้างสู่ไมล์สโตนความสำเร็จครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมการเงินไทย” ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยมีแผนที่จะขยายการใช้บล็อกเชนเพื่อรองรับพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาลทุกประเภท ทั้งสำหรับกลุ่มนักลงทุนรายย่อยและกลุ่มนักลงทุนสถาบันแบบ wholesale ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความตื่นตัวในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ โดยมีอีโคซิสเต็มทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความเคลื่อนไหวร่วมมือต่อเนื่อง ในปี 2562 แพลตฟอร์มหนังสือค้ำประกันโดยบีซีไอได้เริ่มเปิดใช้งานจริง โดยมีธนาคาร 22 แห่งและกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ 15 รายเข้าร่วม โดยปัจจุบันรองรับการทำหนังสือค้ำประกันมูลค่าประมาณ 9.5 พันล้านบาท ขณะที่กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานราชการลำดับที่สองในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำเทรดเลนส์ (TradeLens) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการค้าโลกบนเทคโนโลยีบล็อกเชน เข้ามาช่วยเพิ่มความรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัย ให้กับการขนส่งทางเรือทั้งในและระหว่างประเทศ โดยยังมีโครงการนำร่องและการเตรียมนำบล็อกเชนมาใช้เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพให้แก่ธุรกิจการเงิน ประกันภัย และภาครัฐ ที่กำลังจะเปิดตัวอีกหลายโครงการ ข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ระบุว่ามูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย ณ เดือนธันวาคม 2562 มีมูลค่าประมาณ13.304 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลมีมูลค่าสูงสุดในตลาด ด้วยมูลค่า 4.947 ล้านบาท เท่ากับ ร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย การขายพันธบัตรรัฐบาลเป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อน เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย และใช้เวลามาก ผ่านระบบที่ไม่สามารถแสดงผลแบบเรียลไทม์ มีกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ซ้ำซ้อนและการกระทบยอดบัญชีแบบแมนวลที่เสี่ยงต่อความผิดพลาดของข้อมูล -สำนักข่าวไทย.

เผยกสทช.มีแนวคิดคุมค่าบริการมือถือนอกโปรโมชั่น

กรุงเทพฯ 5 ต.ค. กสทช. มีแผนคุมค่าบริการมือถือนอกโปร เปิดรับฟังความเห็นถึง 19 ต.ค. นี้ ผู้สื่อข่าวรายงาน การเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง การกำหนดและกำกับดูแลอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศส่วนที่เกินกว่าสิทธิการใช้งานของรายการส่งเสริมการขายหลักหรืออัตราค่าบริการนอกโปร ตั้งเป้าคุ้มครองผู้ใช้บริการไม่ให้ถูกคิดค่าบริการนอกโปรในอัตราที่สูงเกินควร รวมทั้งลดผลกระทบจากปัญหา Bill Shock ผู้บริโภค-นักวิชาการต่างประสานเสียงเห็นด้วยในหลักการที่ กสทช. ต้องกำกับดูแล แต่กังขาว่าค่าบริการที่กำหนดนั้นยังคงสูงเกินไป และผู้ให้บริการอาจผลักภาระทำให้ค่าบริการในโปรแพงขึ้น สำหรับสาระสำคัญของร่างประกาศฉบับดังกล่าว กำหนดให้ผู้ให้บริการสามารถกำหนดค่าบริการนอกโปรได้ไม่เกินกว่าอัตราขั้นสูงของค่าบริการ ดังนี้ บริการเสียงไม่เกิน 1.60 บาท/นาที บริการข้อความสั้น (SMS) ไม่เกิน 2.50 บาท/ข้อความ บริการข้อความมัลติมีเดีย (MMS) ไม่เกิน 4.50 บาท/ข้อความ และบริการอินเทอร์เน็ตไม่เกิน 0.90 บาท/เมกะไบต์ โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งหมายความว่ารายการส่งเสริมการขายที่กำหนดขึ้นใหม่หลังวันที่ประกาศมีผลบังคับใช้ ค่าบริการนอกโปรจะต้องไม่เกินอัตราขั้นสูงดังกล่าว ขณะที่รายการส่งเสริมการขายใดที่มีการกำหนดราคานอกโปรเกินกว่าอยู่ก่อนวันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ ก็ยังสามารถเรียกเก็บค่าบริการต่อไปได้จนกว่าระยะเวลาตามสัญญาของรายการส่งเสริมการขายนั้นสิ้นสุด ส่วนรายการส่งเสริมการขายที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการให้บริการไว้ ก็สามารถเรียกเก็บได้ไม่เกิน 270 วันนับแต่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ นายโสภณ หนูรัตน์ ผู้แทนจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เห็นด้วยที่ กสทช. ต้องกำกับอัตราค่าบริการนอกโปร และควรต้องกำกับในทุกบริการ อย่างไรก็ตาม โดยหลักการของการคิดค่าบริการในโปร ผู้ให้บริการก็คิดรวมทั้งต้นทุนและกำไรไว้อยู่แล้ว การคิดค่าบริการนอกโปรก็ควรอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน ไม่ควรมีราคาที่แตกต่างกันมาก และต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นหลักด้วย และที่สำคัญการกำกับอัตราค่าบริการนอกโปรของ กสทช. ต้องไม่ทำให้ค่าบริการในโปรแพงขึ้น เพราะจะกลายเป็นการสร้างภาระให้กับผู้บริโภคมากขึ้น นายสืบศักดิ์ สืบภักดี นักวิชาการด้านโทรคมนาคม กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของร่างประกาศเพื่อต้องการลดกระทบจากปัญหา Bill Shock แต่อัตราที่กำหนดในร่างประกาศยังคงเป็นอัตราที่สูง อย่างเช่นอัตราค่าบริการอินเทอร์เน็ตนอกโปรที่จะคิดราคา 0.90 บาท/เมกะไบต์ หากเดือนไหนผู้บริโภคใช้หลุดโปรแค่ 1 กิกะไบต์ (Gb) ประมาณดูละครได้ 1 ตอน ก็เท่ากับต้องเสียค่าบริการเพิ่มถึง 900 บาท และในอนาคตที่เรากำลังเข้าสู่ยุค 5G ปัญหาการหลุดโปรก็จะเกิดง่ายขึ้น อย่างไรก็ดีเรื่องการคิดค่าบริการผู้ให้บริการต้องอยู่ได้คือเป็นการสร้างสมดุคทั้งฝั่งผู้ใช้และผู้ให้บริการเรื่องค่าบริการถ้าถามประชาชนก็จะอยากได้ถูกอย่างเดียวแต่ในแง่การลงทุนของผู้ประกอบการมีต้นทุนของธุรกิจจากการประมูลคลื่นความถี่ และการขยายเครือข่ายที่ต้องมีการลงทุนเพิ่มจำนวนมากย่อมมีความคาดหวังในการทำธุรกิจ ดังนั้นจึงควรกติกาที่ทุกฝ่ายพอใจและสร้างสมดุลให้ผู้ใช้บริการไม่เป็นภาระผู้ให้บริการดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ทั้งนี้ร่างประกาศดังกล่าวเป็นเรื่องการกำกับดูแลอัตราค่าบริการ ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับประโยชน์ของผู้บริโภคโดยตรง โดยสำนักงาน กสทช. จะยังเปิดรับความคิดเห็นเพิ่มเติมไปจนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ผู้บริโภคสามารถนำส่งความเห็นมาได้ที่อีเมล์ telco.tariff@nbtc.go.th ตั้งชื่อเรื่อง “แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องการกำหนดและกำกับดูแลอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศในส่วนที่เกินกว่าสิทธิการใช้งานของรายการส่งเสริมการขายหลัก” รวมทั้งสามารถนำส่งด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ที่สำนักค่าธรรมเนียมและอัตราค่าบริการในกิจการโทรคมนาคม สำนักงาน กสทช. 87 ซอยพหลโยธิน 8 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 วงเล็บมุมซองว่า “แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง การกำหนดและกำกับดูแลอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศในส่วนที่เกินกว่าสิทธิการใช้งานของรายการส่งเสริมการขายหลัก”-สำนักข่าวไทย.

เมายา! ขโมยรถโม่ปูนขับชนดะเจ็บ 2

สุราษฎร์ธานี 5 ต.ค.- ตำรวจคุมตัวชายวัย 27 ปี สภาพพูดจาไม่รู้เรื่อง หลังก่อเหตุขโมยรถโม่ปูนขับฉวัดเฉวียนไปตามถนนบ้านนาสาร-สุราษฎร์ธานี ชนดะเจ็บ 2 ราย อ้างเครียด ผลตรวจปัสสาวะพบสีม่วง นายวรรณพต (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ถูกตำรวจ สภ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี และอาสาสมัครกู้ภัยบ้านนาสารช่วยกันควบคุมตัวไว้ได้บริเวณปากซอยถนนเขตห้า ซอย 4 เขตเทศบาลเมืองนาสาร ในสภาพพูดจาไม่รู้เรื่อง ยังคุมสติไม่ได้ หลังจากก่อเหตุขับรถสิบล้อบรรทุกโม่ปูนแบบประมาทหวาดเสียวและชนรถคันอื่นบนถนนสายริมคลองฉวาง อ.บ้านนาสาร ช่วงสายวันนี้ (5 ต.ค.) เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายวรรณพต ส่งไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบ้านนาสาร ก่อนสอบปากคำ เบื้องต้นนายวรรณพต อ้างว่าเครียด อยากไปหาภรรยา จึงฉวยโอกาสขับรถบรรทุกโม่ปูนคันดังกล่าวออกไป ด้านนายอดิศร ศรีขาว อายุ 25 ปี คนขับรถโม่ปูนที่นายวรรณพต นำไปขับ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำรถมาที่บริษัทเพื่อจะนำปูนขึ้นรถ โดยติดเครื่องทิ้งไว้ ปรากฏว่านายวรรณพต ได้ขึ้นไปขับรถแล้วหลบหนีไปตามเส้นทางบ้านห้วยมุด จึงขับรถจักรยานยนต์และอีกคนก็ขับรถกระบะไล่ติดตามมาจากบริษัทกว่า 6 กิโลเมตร ระหว่างทางนายวรรณพต […]

อาลัย “ผอ.สุริยา” จัดพิธีรดน้ำศพวัดห้วยกรุ ชลบุรี

ชลบุรี 5 ต.ค.- เพื่อนพ้องสุดอาลัย “สุริยา” ผอ.องค์การสวนสัตว์ฯ ถูกยิงที่สวนสัตว์สงขลา เร่งตกแต่งวัดห้วยกรุ จ.ชลบุรี อย่างสวยงามเตรียมพิธีรดน้ำศพ ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นแม่โจ้จัดสวนแบบป่าดิบชื้นที่ ผอ.สุริยา ชื่นชอบ จากเหตุสลดที่เกิดขึ้นสวนสัตว์สงขลา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา นายสุริยา แสงพงค์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถูกยิงเสียชีวิตภายในอาคารสำนักงานสวนสัตว์สงขลา ขณะมาติดตามข้อเท็จจริงลูกเก้งเผือกพระราชทานหายไป วันนี้ (5 ต.ค.) ที่วัดบ้านห้วยกรุ ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายอนุพงษ์ อานนท์ รักษาการผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และนายสมศักดิ์ เกตุวัตถา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางพระ อำนวยการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการจัดเตรียมสถานที่ เพื่อจัดพิธีรดน้ำศพนายสุริยา เวลา 16.00 น. ขณะเดียวกันนายพิศาล ตันสิน เพื่อนร่วมรุ่นกับนายสุริยา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำทีมมาช่วยประดับตกสถานที่ให้สวยงาม เป็นแบบป่าดิบชื้น มีต้นมอส ต้นเฟิร์น เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับนายสุริยา.-สำนักข่าวไทย

ไอดีซีชี้ตลาดสมาร์ทโฟนไทยกระทบโควิด-19ยันยังโตต่อจากยอดจำหน่ายออนไลน์

กรุงเทพฯ 5 ต.ค.ไอดีซีชี้ ตลาดสมาร์ทดโฟนไทยโตลดลง ระบุแม้มีโควิด-19 แต่ไม่กระทบการเติบโต นายธีริทธิ์ เปาวัลย์ นักวิเคราะห์การตลาด บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลดาต้าคอเปอเรชั่น (ไอดีซี) ผู้วิจัยเทคโนโลยีสารสนเทศ รายงานผลการวิจัยตลาดสมาร์ทโฟนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ระบุว่า ปกติไตรมาสที่สองของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาที่เพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน การระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ยับยั้งการเติบโตเพราะบรรดาผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสามารถปรับตัวใช้ช่องทางออนไลน์ได้อย่างกว้างขวางมาขึ้น มีการส่งเสริมการตลาดมากขึ้น ทำให้การขายทางหน้าร้านแทนจะเหมือนเดิมเมือ่เทียบกับไตรมาสที่แล้วในขณะที่ช่องทางออนไลน์โตขึ้นเกือบ 4 เท่า แบรนด์สมาร์ทโฟนและค่ายโทรคมนาคมปรับตัวต่อการหยุดชะงักของหน้าร้านโดยเปลี่ยนไปทำกิจกรรมการขยาย การตลาดผ่านล่องทางออนไลน์ ทำให้สามารถดำเนินกิจกรรมต่อไปได้ผ่านเว็บไซต์ทางการและมาร์เก็ตเพลสรวมถึงการโปรโมชั่นผ่านโซเชียลมีเดียอื่น สมาร์ทโฟนเช่น ออปโป้ เอ12 เสียวหมี่ เรดหมี่โน้ต 9 และหัวเว่ยวาย5พี ได้กระแสตอบรับที่ดีด้วยราคาที่น่าดึงดูดอย่างไรก็ตามมือถือในช่วงราคากลางถึงสูงมีการเติบโตขึ้นเนื่องจากซัมซุงเอ71 และแอปเปิลไอโฟนเสอีที่ได้รับกระแสตอบรับดี ขณะที่ตลาดสมาร์ทโหนในไทยเริ่มฟื้นตัว ไอดีซีคาดว่ายอดขายในไตรมาสที่ 3 ยังคงลดลงเนื่องจากเป็นฤดูกาลที่ความต้องการต่ำและความกดดันทางเศรษฐกิจยังคงมีผลต่อความต้องการในตลาดต่อไปอีก 2-3 เดือน อย่างไรก็ตามไตรมาสที่ 4 คงได้เห็นการโตของไอโฟนรุ่นใหม่ การเปิดสาขาของแอปเปิลสโตร์ในประเทศไทย เป็นการส่งเสริมโมเมนตัมของไอโฟนที่แข็งแรงอยู่แล้ว ในขณะที่ร้านค้าเริ่มกลับมาเปิดปกติหลังมาตรการล็อกดาวน์ การเปลี่ยนแปลงช่องทางการขยายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ก็เริ่มกลับมาเปิดปกติหลังการล็อกดาวน์ การเปลี่ยนแปลงของช่องทางการขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ก็เริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่งมากในไตรมาสที่ 2   ทั้งนี้ภาพรวม 5 แบรนด์ที่ครองสัดส่นการตลาด 5 อันดับแรก คือ อันดับหนึ่งวีโว่ ที่ครองอันดับหนึ่งเพราะเน้นไปที่สมาร์ทโฟนรุ่นกลาง ซัมซุง ยังคงเป็นผู้นำตลาดลำดับสองที่ทำตลาดด้วยกาแลคซี่ รุ่นเอ ออปโป้ ที่เสียอันดับหนึ่งในไตรมาสที่สองเรืองจากราคาขึ้ในบางช่วงรุ่นที่เปิดตัวใหม่ เรียลมี มาแทนที่หัวเว่ยในอันดับ 4 มือถือรุ่นเล็กยังคงได้รับการเตอบรับ และการเสริมสร้างภาพลักษณ์กับ 5G แอปเปิ้ล ยงครองอันดับ 5 เนื่องจากไอโฟนเอสอี ที่ด้รับความนิยมในช่วงโควิด–19  โดยไอโฟน11ยังคงเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด -สำนักข่าวไทย.

ชลบุรีเร่งเคลียร์! หินเขาสามมุขสไลด์ลงถนน

ชลบุรี 5 ต.ค.- เตือน! สัญจรช่วงฝนตกระมัดระวังเส้นทางเชิงเขา ล่าสุด เทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี เร่งเคลียร์ก้อนหินบนเขาสามมุขไหลลงมาบนถนนจากฝนตกตั้งแต่เช้ามืด ดินอุ้มน้ำไม่ไหว นายวิเชียร พานพินิจ หัวหน้าภาคสนามดูแลความสะอาด เทศบาลเมืองแสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่นำรถจักรกลเข้าจัดเก็บก้อนหินและดินจากเขาสามมุขไหลลงมาบนถนนหลายจุด หลังเกิดฝนตกต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่เร่งเกลี่ยดินและก้อนหินให้พ้นเส้นทาง เพื่อให้รถสัญจรได้ และยังต้องเฝ้าระวังหากฝนตกอีก อาจทำให้ดินและหินไหลลงมาได้ นายวิเชียร กล่าวว่า ฝนตกมาตั้งแต่เช้ามืด คงทำให้ดินชุ่มน้ำมาก ก้อนหินและดินจึงไหลลงมา ซึ่งเส้นทางดังกล่าวนอกจากชาวบ้านในพื้นที่ใช้เดินทางเข้าชุมชนแล้ว ยังเป็นเส้นทางที่จะขึ้นไปชมวิวเขาสามมุข และเพื่อความปลอดภัยอย่าจอดรถใกล้บริเวณเชิงเขาสามมุข เพราะอาจมีหินร่วงมาได้อีก.-สำนักข่าวไทย

ออปโป้เชื่อตลาดมือถือ 5G ยังโตต่อ

กรุงเทพฯ 5 ต.ค. ออปโป้เชื่อตลาดมือถือไทยได้รับผลกระทบจากโคสิด-19 ไม่มากเชื่อปลายปีถึงต้นปีหน้าตล่ด 5G จะคึกคัก นายชานนท์ จิรายุกุล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายขาย บริษัทไทย ออปโป้ กล่าวว่า ออปโป้คาดว่าการแข่งขันในตลาดเครื่องลูกข่ายที่รองรับเทคโนโลยี 5G ในประเทศไทยจะคึกคักมากขึ้น แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม ออปโป้ยอมรรับว่ามีผลกระทบกับยอดการจำหน่ายสมาร์ทโฟนในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ทำให้ผู้บริโภคต้องอยู่แต่ในบ้านซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลก สำหรับออปโป้ในประเทศไทยมีผลกระทบไม่ถึงร้อยละ 20 และเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเชื่อว่าตลาดสมาร์ทโฟน 5G จะเริ่มเป็นที่สนใจ จากการที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือมีการขยายโครงข่ายและเปิดให้บริการ 5G ในเชิงพาณิชย์ ทำให้ตลาดเครื่องลูกข่าย 5G มีการแข่งขันกันมากขึ้น ออปโปคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเริ่มมีสมาร์ทโฟนที่รองรับเทคโนโลยี 5G ราคาต่ำกว่า 10,000 บาทออกมาสู่ตลาด และไตรมาสแรกของปี 2564 การแข่งจันรุนแรงมากขึ้นโดยจะมีสมาร์ทโฟนรองรับ 5G ออกมาสู่ตลาดนับสิบรุ่นจากทุกค่ายมือถือ “ส่วนที่มีการคาดการถึงภาวะเศรษฐกิจที่อาจะถดถอย จะส่งผลกระทบกับภาคอุตสาหกรรมทุกภาค ออปโป้ยังมองว่าตลาดสมาร์ทโฟนและอุตสาหกรรมโทรคมนาคมน่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพราะสมาร์ทโฟนและการสื่อสารเป็นแนวโน้มของยุคสมัยที่คนต้องใช้สมาร์ทโฟนในการดำเนินชีวิต หางาน ซื้อของ หรือเพื่อความบันเทิงดังนั้นอุตสาหกรรมสื่อสารจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนปัจจัยที่จะชี้ว่าใครจะประสบความสำเร็จมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการตอบรับแพคเกจ 5G ที่นำเสนอโดยโอเปอเรเตอร์และการปรับตัวของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรวมถึงความร่วมมือที่มีกับโอเปอเรเตอร์ที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากหรือน้อยเพียงใด ออปโป้ยังชื่อว่าตลาดมือถือปี 2563 ยังน่าจะมีอัตราการเติบโตไม่น้วยกว่าร้อยละ 20 ” -สำนักข่าวไทย.

รวบสายส่งยาบ้านับแสนเม็ดริมโขงหนองคาย

หนองคาย 5 ต.ค.- นรข.โพนพิสัย สนธิกำลังคุมเข้มแม่น้ำโขง ล็อกตัว 2 ผู้ต้องหาชาว สปป.ลาว แล่นเรือหางยาวฝ่าความมืด ส่งยาบ้า 400,000 เม็ด ไอซ์อีก 1 กก. สารภาพทำมาแล้วครึ่งหนึ่ง วันนี้ (5 ต.ค.) ที่หน่วยเรือโพนพิสัย อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย น.อ.วรัท โกพลรัตน์ ผบ.นรข.เขตหนองคาย พ.ต.อ.ภูวิศ ศิริพานิช ผกก.สภ.โพนพิสัย, นางชนาธิป เกาะสูงเนิน ปลัดอำเภอโพนพิสัย แถลงการสนธิกำลังป้องกันและปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายตามแนวลำน้ำโขง ล่าสุดจับกุม 2 ผู้ต้องหาชายชาว สปป.ลาว พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด ไอซ์ 1.05 กิโลกรัม โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ 1 ลำ โดยก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสจะมีการส่งมอบยาเสพติดบริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งใกล้วัดจอมนาง เขตเทศบาลตำบลโพนพิสัย จึงวางกำลังดักซุ่มตลอดทั้งคืนพบเรือหางยาวจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านข้ามแม่น้ำโขงมายังบริเวณดังกล่าว จากนั้นมีรถยนต์แล่นมาจอดไม่นาน ปรากฏว่าเกิดไหวตัวรีบหนีไปก่อน ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองกำลังแบกคนละใบจากเรือขึ้นฝั่ง […]

“พล.อ.ประวิตร” เร่งขับเคลื่อนแผนสิ่งแวดล้อม-ลดก๊าซเรือนกระจก

กรมส่งเสริมฯ 5 ต.ค.- “พล.อ.ประวิตร” เร่งขับเคลื่อนแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดก๊าซเรือนกระจกดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อประชาชน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2563 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (กนภ.) ครั้งที่ 2/2563 โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่รองประธานกรรมการคนที่ 1 ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่รองประธานกรรมการคนที่ 2 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ ดร. รวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายเกียรติชาติ ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ทำหน้าที่กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ซึ่งมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณา ประเด็นที่สำคัญ จำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ (ร่าง) แผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2558 […]

1 26 27 28 29 30 16,774
...