“สุพัฒนพงษ์” ขอความร่วมมือเอกชนพลังงานเร่งจ้างงานลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 20 ส.ค. -“สุพัฒนพงษ์” รมว.พลังงาน ประชุมเวิร์กช็อปเอกชนพลังงาน ขอความร่วมมือเร่งจ้างงาน เร่งลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ล้มร่างพีดีพี 2018 ฉบับปรับปรุง แต่สานต่อโรงไฟฟ้าชุมชน ขีดกรอบใหม่ให้เสร็จใน 30 วัน ประกาศรับซื้อในปลายปีนี้ 100-200 เมกะวัตต์ ปัดข้อเสนอเจรจาเอกชนชนไอพีพีปลดระวางเร็วขึ้น เพื่อลดสำรองไฟฟ้า มั่นใจอนุมัติเอกชนนำเข้าแอลเอ็นจีภายในปีนี้


นายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หารือกับกลุ่มธุรกิจพลังงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ในหัวข้อ “พลังงานร่วมใจ รวมไทยสร้างชาติ ” เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นที่ได้รับผลประทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะการจ้างงานมีผู้ได้รับผลกระทบตกงาน 2.5 ล้านคน ขณะที่มีเด็กจบใหม่ 400,000 คนต่อปี ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน และขอให้ดูถึงการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เปราะบาง เช่น เอสเอ็มอี  ภาคท่องเที่ยว โดยขอให้ผู้ประกอบการไปร่วมคิดโครงการแล้วเสนอกลับมาภายใน 2 สัปดาห์

“อยากให้ภาคธุรกิจพลังงานที่ยังพอยิ้มได้ ช่วยกันคิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นได้อย่างไร จะทำเกิดการจดจำไปใน 10 ปีข้างหน้าว่าเราจะช่วยเหลือประเทศ และก็จะมีผลต่อการฟื้นตัวระยะกลาง-ยาว โดยสถานการณ์โควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระดับโลกและประเทศไทย รวมถึงภาคพลังงานด้วย วิกฤติครั้งนี้จะยังไม่หายไปได้ในเร็ววัน แต่อาจจะมีวันสิ้นสุดใน 12-15 เดือนข้างหน้า ซึ่งความร่วมมือก็ต้องมีทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกัน” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว


นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวในส่วนของกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ได้เน้นย้ำเรื่องการส่งเสริมการจ้างงาน และในส่วนของงบกองทุนอนุรักษ์ปี 2563 ที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ 5,600 ล้านบาท ก็จะเร่งเห็นชอบโดยเร็วเพื่อเป็นการส่วนของการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บมจ.ปตท. ในการร่วมมือดูแลราคาพลังงาน  ว่าจะทำได้มากน้อยเพียงใด เพื่อช่วยเหลือประชาชน  เช่นการตรึงราคาเอ็นจีวี, แอลพีจี

รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบทำให้สำรองไฟฟ้าของประเทศเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ภาคเอกชนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดังนั้น คงไม่เจรจากับโรงไฟฟ้าไอพีพีที่จะหมดอายุปี 2564-2568 เพื่อขอความร่วมมือปลดระวางลงเร็วแต่อย่างใด แต่จะเร่งการขายไฟฟ้าไปเครือข่ายเพื่อนบ้าน คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1 ปี ขณะที่การส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน ทางกระทรวงฯ จะเดินหน้าต่อ แต่ให้นโยบายว่าจะต้องให้เกษตรกรเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักมีความยั่งยืน  ไม่ใช่โรงไฟฟ้าได้ประโยชน์ หรือเอกชน ซึ่งจะวางหลักเกณฑ์ภายใน 30 วัน และคาดว่าจะประกาศรับซื้อได้ภายในปีนี้ประมาณ 100-200 เมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าโซลาร์ภาคประชาชนก็จะเดินหน้าต่อ และทบทวนปรับราคารับซื้อให้สูงขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ 1.68 บาท/หน่วย 

 “โรงไฟฟ้าชุมชนเดินหน้าต่อได้ แต่ขอให้เกษตรกรได้ประโยชน์เป็นหลัก ส่วนปริมาณโดยรวมที่เคยซื้อเสนอไว้ ว่าจะมีการปรับปรุงตามแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1) แผนปรับปรุงยังไม่ผ่าน ครม.และไม่ต้องใช้แล้ว เพราะเมื่อโควิด-19 เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจเราก็ต้องทบทวนและตามติดเศรษฐกิจโดยรวมใหม่ว่าพีดีพีควรจะเป็นอย่างไร” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว


รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ยังกล่าวด้วยว่า เพื่ออนาคตด้านพลังงานของประเทศจะเน้นการลงมือทำให้สำเร็จ (Execution) ซึ่งได้มอบให้ผู้บริหารทำแผนระยะ 5 ปี ที่กำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน เพื่อให้ติดตามได้อย่างใกล้ชิด สำหรับโครงการที่ต่อเนื่องจะยังคงเดินหน้าต่อไป ทั้งโรงไฟฟ้าชุมชน การส่งเสริมน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพไม่ว่าจะเป็นแก๊สโซฮอล์ E20 หรือ B10 ก็ต้องช่วยให้เกษตรกรได้รับผลประโยชน์ และมีมาตรการป้องปรามการลักลอบการนำเข้าน้ำมันปาล์มที่จะใช้ในภาคพลังงานได้อย่างรัดกุม

ส่วนเรื่องการอนุมัตินำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี ตามแผนเปิดเสรีการนำเข้านั้น อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน โดยรวมแล้วคาดว่าจะสามารถอนุมัติให้เอกชนนำเข้าได้ภายในปีนี้. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน. สั่งฟัน “พิเชษฐ์” พ้น สส.-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

ศาล รธน. 1 ส.ค.-ศาล รธน. สั่งฟัน “พิเชษฐ์” พ้นสมาชิกภาพ สส.-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี เซ่นปมใช้อำนาจรองประธานสภา เสนอตั้งงบฯ และแปรญัตติลง 3 โครงการในพื้นที่ตนเอง เพื่อหวังสร้างคะแนนนิยม ไม่ใช่การดำเนินราชการปกติของรัฐสภา องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ ภัณฑิล น่วมเจิม สส. กทม. พรรคประชาชน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2569 มีการเสนอแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด มีผลให้ สส. สว. หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสองหรือไม่ ตามคำร้องอ้างถึง นายพิเชษฐ์  เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และ สส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ถูกร้อง เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและมีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ […]

“ภูมิธรรม” เรียกประชุม ครม. วาระพิเศษ

ทำเนียบ 1 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เรียกประชุม ครม. วาระพิเศษ เร่งพิจารณารับรองร่างถ้อยแถลงภาษีสหรัฐ 19% ให้มีผลอย่างเป็นทางการ พร้อมหารือหลักเกณฑ์งบฯ ฉุกเฉินเยียวยาเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่รัฐ-ประชาชน เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (1 ส.ค.) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เชิญประชุม ครม. นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องของอัตราภาษีตอบโต้จากสหรัฐอเมริกา โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ที่ ห้อง 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล และการประชุมทางสื่ออิเลคทรอนิกส์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เมื่อเช้านี้ประเทศไทยได้รับแจ้งจาก สหรัฐฯว่า สินค้าจากไทยที่ส่งไปจำหน่ายในสหรัฐฯจะถูกเรียกเก็บภาษี 19% ซึ่งเท่ากับหลายๆประเทศในภูมิภาค ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะพอทำให้เรายังคงแข่งขันได้ โดยในกระบวนการเจรจานี้ มีขั้นตอนสำคัญคือรัฐบาลไทยต้อง ออกถ้อยแถลงร่วมไทย-สหรัฐฯ ซึ่งคณะทำงาน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง […]

คณะทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร-สื่อ ถึงอุบลฯ ลุยพิสูจน์ข้อเท็จจริงชายแดน

ทำเนียบ 1 ส.ค.- โฆษกรัฐบาล เผยคณะทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร-สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เดินทางถึงอุบลราชธานี เตรียมลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อเวลา 09.25 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า คณะผู้แทนทางการทูต ผู้ช่วยทูตทหารจาก 23 ประเทศ พร้อมด้วยสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศรวมกว่า 100 คน ได้เดินทางถึงจังหวัดอุบลราชธานีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมลงพื้นที่แนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา การเดินทางในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและ ความโปร่งใสของรัฐบาลไทย ที่พร้อมเปิดพื้นที่ให้คณะทูตต่างประเทศและสื่อมวลชนได้เห็น ข้อเท็จจริงด้วยตนเอง และรายงานต่อประชาคมโลกอย่างเป็นธรรม โดยไม่ปิดบังหรือบิดเบือน คณะทูตต่างประเทศที่ลงพื้นที่ในวันนี้ ประกอบด้วย เอกอัครราชทูต 3 ประเทศ ได้แก่ บรูไน ญี่ปุ่น และเมียนมา อุปทูต 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สปป.ลาว และอินโดนีเซีย ผู้แทนทางการทูตระดับต่าง ๆ จาก 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ […]

สหรัฐประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19%

1 ส.ค. – ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19% กัมพูชา 19% และมาเลเซีย 19% มีผลวันนี้ (1 ส.ค. 68) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19% กัมพูชา 19% มาเลเซีย 19% มีผลวันนี้ (1 ส.ค. 68) ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ทีมไทยแลนด์ ได้ทำงานอย่างเต็มที่และรอบคอบในทุกมิติ มุ่งมั่นเสนอเงื่อนไขและข้อแลกเปลี่ยนของไทยสามารถยอมรับได้ โดยพยายามรักษาผลประโยชน์ของประเทศไว้ให้มากที่สุด โดยทุกประเด็นการเจรจาล้วนผ่านกระบวนการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติ หากผลการเจรจาออกมาดีเกินคาด เราทุกคนคงจะดีใจไปด้วยกันแต่หากผลออกมาน้อยกว่าที่หวังไว้ ตนหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจว่ารัฐบาลและทีมเจรจาได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ และหวังว่าเราจะก้าวผ่านความท้าทายนี้ด้วยความร่วมมือและพลังใจของพวกเราทุกคน.-สำนักข่าวไทย