ยอดใช้น้ำมันปีนี้สร้างสถิติต่ำสุดลดลงร้อยละ 8.7 เหตุโควิด-19

กรุงเทพฯ 29 ก.ค. – ยอดใช้น้ำมันของประเทศปี 63 คาดลดลงร้อยละ 8.7 สร้างประวัติการณ์ลดลงสูงสุดตั้งแต่ประเทศไทยเคยใช้น้ำมัน เหตุผลกระทบโควิด-19 ขณะที่ครึ่งปีแรกหดตัวถึงร้อยละ 13.8  รอ รมว.พลังงานคนใหม่ตัดสินใจยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 และเดินหน้าบล็อกเชนซื้อบี 100 ส่วน 3 โรงกลั่นฝันสลายรัฐยืนยันประกาศมาตรฐานยูโร 5 คงเดิม 1 ม.ค.67


นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันครึ่งแรกของปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 13.8 ส่วนทั้งปีคาดว่าจะสร้างสถิติใหม่ลดลงสูงสุดตั้งแต่ประเทศไทยเคยใช้น้ำมัน เนื่องจากผลกระทบของโควิด 19 ทำให้ ยอดใช้เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่มียอดใช้ 157.33 ล้านลิตร นับว่าลดลงร้อยละ8.7 หรือมีการใช้ปีนี้เฉลี่ย 143.59ล้านลิตร/วัน โดยยอดการใช้นี้เป็นการประเมินจากผู้ค้าน้ำมันที่มีการประเมินยอดขายทั้งปี ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าผู้ค้าประเมินจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือจีดีพี จะลดลงเท่าใด จากที่ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินจีดีพีไทยปีนี้ลดลงร้อยละ 8.1 ซึ่งปกติการใช้น้ำมันจะเติบโตใกล้เคียงกับจีดีพีของประเทศ โดยปลายปีที่แล้วคาดว่าการใช้น้ำมันปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 2-3

“การใช้น้ำมันของประเทศปกติจะโตใกล้เคียงกับจีดีพีของประเทศ โดยที่ผ่านมาเคยลดต่ำสุดช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ที่ลดลงร้อยละ 0.4 และเดิมคาดปีนี้ยอดใช้น้ำมันจะโตร้อยละ 2-3 แต่เมื่อเจอโควิด-19 ผู้ค้าน้ำมันประเมินใหม่ล่าสุดคาดการใช้ลดลงถึงร้อยละ 8.7” นางสาวนันธิกา กล่าว  


สำหรับการคาดการยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั้งปี 2563 แยกเป็นผลิตภัณฑ์ คาดว่ากลุ่มเบนซินจะมียอดใช้ 31.18 ล้านลิตร/วัน ลดลงร้อยละ 3.1 กลุ่มดีเซลเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 หรือมียอดใช้เฉลี่ยน 67.66 ล้านลิตร/วัน น้ำมันเครื่องบินคาดว่าจะลดลงถึงร้อยละ 43.5 เหลือเพียง 10.93 ล้านลิตร/วัน  ก๊าซหุงต้มลดลง ร้อยละ 15.8 เหลือ 14.99 ล้าน กก./วัน  ก๊าซเอ็นจีวี ลดลงร้อยละ 4.8 เหลือ 5.13 ล้าน กก./วัน  โดยคาดว่าครึ่งหลังการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น หลังจากช่วงครึ่งแรกลดลงหนักจากสาเหตุสำคัญมาจากภาครัฐได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

ส่วนการประกาศบังคับใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติยังคงประกาศตามเดิม 1 มกราคม 2567 แม้ว่า 3 โรงกลั่นน้ำมัน จากที่ประเทศไทยมี 6 โรงกลั่นฯ เสนอให้เลื่อนออกไป 1 ปี เพราะการก่อสร้างได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ต่อต้านโควิด-19 ขณะที่มาตรฐานรถยนต์ยูโร 5 ทางคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมจะให้ประกาศใช้ในปี 2567 เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ทางกรมฯ ได้แจ้งให้ทุกโรงกลั่นฯรับทราบและเร่งรัดให้เดินหน้าตามแผน

สำหรับเรื่องที่เตรียมเสนอ รมว.พลังงานคนใหม่ มาพิจารณาเป็นเรื่องต่อเนื่อง เช่น การประกาศใช้อี 20 เป็นน้ำมันพื้นฐานของกลุ่มเบนซิน หากได้รับความเห็นชอบเมื่อใด ก็คาดว่าจะประกาศใช้ได้ในอีก 9 เดือนถัดไป ซึ่งจะมีการยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ควบคู่กันไป เพื่อทำให้ชนิดน้ำมันของประเทศไทยมีลดลง ส่วนไบโอดีเซล บี 10 จะเดินหน้าประกาศเป็นน้ำมันพื้นฐานตามแผน คือ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป โดยยอดใช้บี 10 มีความนิยมเพิ่มขึ้นคาดปลายปีจะมียอดใช้ 50 ล้านลิตร/วัน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะมียอดใช้ 57 ล้านลิตร/วัน เป็นผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ยอดใช้เชื้อเพลิงชีวภาพลดต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ จะเสนอให้พิจารณาว่าจะเดินหน้าการนำบล็อกเชนมาซื้อขายบี 100 ต่อหรือไม่ หลังจากที่มีการทดลองรับซื้อด้วย 3 โรงงานบี 100 เมื่อวันที่ 15-19 กรกฎาคม 2563 ซึ่งใช้ราคาบี 100 ที่ 23.16 บาท/ลิตร สามารถซื้อผลปาล์มดิบได้ที่ 3.20-3.60 บาท/กก. เป็นราคาที่สูงกว่าราคาประกาศของกรมการค้าภายในที่ 2.70-3.40 บาท/กก. โดยขณะนี้กรมฯ กำลังรวบรวบผลดีผลเสีย เพื่อเสนอ รมว.พลังงานคนใหม่พิจารณาต่อไป


สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันครึ่งแรกของปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 13.8 หรือมียอดใช้ 137.7 ล้านลิตร/วัน ขณะที่จำนวนสถานีบริการเชื้อเพลิงสิ้นไตรมาส 2/2563 รวมทุกประเภทอยู่ที่ 29,156 แห่ง โดยจำนวนปั๊มเปรียบเทียบระหว่างไตรมาส 2 และไตรมาส 1 ปี 63 ลดลงประมาณ 200 แห่ง

สำหรับยอดใช้น้ำมัน แยกเป็นรายผลิตภัณฑ์ ครึ่งแรกปี 2563 พบว่า กลุ่มเบนซินมียอดใช้เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 29.7 ล้านลิตร/วัน ลดลงร้อยละ 7.6  การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65.6 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 4.9, การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 9.9 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 49.5 เนื่องด้วยยังคงอยู่ในช่วงมาตรการที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2563 จึงส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ, การใช้ LPG เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 15.0 ล้าน กก./วัน ลดลงร้อยละ 16.0 โดยการใช้ภาคขนส่งลดลงมากที่สุด เฉลี่ยอยู่ที่ 2.0 ล้าน กก./วัน ลดลงร้อยละ 30.6 รองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี ใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 6.0 ล้าน กก./วัน ลดลงร้อยละ 19.3 ภาคอุตสาหกรรมใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.6 ล้าน กก./วัน ลดลงร้อยละ 10.4 และภาคครัวเรือนเฉลี่ยใช้อยู่ที่ 5.4 ล้าน กก./วัน ลดลงร้อยละ 6.4 ,การใช้ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4.0 ล้าน กก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 28.4 

ส่วนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงมีปริมาณรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 918,547 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 9.5 โดยการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 893,508 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 4.3 คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 40,269 ล้านบาท/เดือน เนื่องจากเดือนมิถุนายน 2563 ยังคงอยู่ในช่วงหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง  สำหรับน้ำมันสำเร็จรูปเป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG โดยมีปริมาณนำเข้าลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 25,039 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 69.4 คิดเป็นมูลค่านำเข้าเฉลี่ยรวม 1,253 ล้านบาท/เดือน การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เฉลี่ยอยู่ที่ 203,647 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวมเฉลี่ย 8,891 ล้านบาท/เดือน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]