ส.อ.ท. ชงช่วยผู้ได้รับผลกระทบปรับขึ้นดอกเบี้ย

กรุงเทพฯ 11 ส.ค.- ส.อ.ท. ชงช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 0.50 เป็นร้อยละ 0.75 ต่อปี โดยให้มีผลทันทีนั้น จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ปรับดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้ ให้สอดคล้องกัน ซึ่งจากข้อมูลที่ผ่านมาในช่วงวิกฤติ ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะปรับผลต่าง หรือ Spread ระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ให้กว้างมากขึ้น เพื่อรองรับความเสี่ยงทางการเงินของธนาคาร และจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% นั้น คาดว่าจะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีต้นทุนเพิ่มขึ้นและต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.75 – 1% ซึ่งจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้สัดส่วนการให้สินเชื่อในภาคอุตสาหกรรมการผลิต มีมูลค่าเงินสินเชื่อถึง 2.29 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 12.68 ของมูลค่าเงินให้สินเชื่อทั้งหมด โดยอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาระอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น จะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มียอดการขอสินเชื่อสูง เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้า อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ เป็นต้น

ผลกระทบดังกล่าวอาจรวมถึงผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ที่มีการกู้ยืมเงินมาลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการหลังโควิด-19 โดยยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งหมด 3.49 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 19.35 ของยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อรวมทั้งหมดของประเทศ (18 ล้านล้านบาท) แบ่งเป็น SMEs ในภาคการผลิต มียอดคงค้างเงินให้สินเชื่อกว่า 683,870 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.59 ของยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อแก่ธุรกิจ SMEs ทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการจะต้องแบกรับต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นอยู่แล้ว จากราคาพลังงาน ต้นทุนวัตถุดิบ รวมทั้ง ค่าขนส่งโลจิสติกส์ นอกจากนี้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมจะต้องเตรียมรับมือกับการการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าและค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยโดยตรง อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ธปท. สามารถกำกับดูแลนโยบายด้านการเงินได้ดีและมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงปัจจัยหรือองค์ประกอบเฉพาะที่แตกต่างไปจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อของไทยเกิดจาก Cost push inflation จากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครน ส่วนภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสาเหตุมาจาก Demand Pull inflation ดังนั้นจากความกังวลในเรื่องผลกระทบจากการปรับอัตราดอกเบี้ย ส.อ.ท. จึงมีข้อเสนอแนะ ดังนี้


  • 1) เห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและดุลยภาพของอัตราแลกเปลี่ยน โดยอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 34 – 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเหมาะสมต่อการนำเข้าและส่งออกสินค้าไทย
  • 2) ขอให้ ธปท. ควบคุมและดูแลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ โดยให้ผลต่าง (Spread) ระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ไม่กว้างเกินไป และควบคุมอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการและประชาชน
  • 3) ขอให้ภาครัฐ ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) และประชาชนผู้มีรายได้น้อย เช่น มาตรการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มาตรการสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ การพักชำระหนี้ และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการปรับตัวรับมือกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น .-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก