fbpx

246 ร้านค้าขอเป็นพี่เลี้ยงดันโชห่วยท้องถิ่นขึ้นเป็นสมาร์ทโชห่วย

นนทบุรี 10 ส.ค.-นำ 246 ร้านค้าเป็นพี่เลี้ยงช่วยโชห่วยท้องถิ่นเป็นสมาร์ทโชห่วย ตามแนวสมาร์ทโชห่วย พลัส พร้อมมอบป้ายตราสัญลักษณ์การันตีการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง เตรียมส่งต่อการพัฒนาให้ร้านโชห่วยท้องถิ่นรายอื่นๆเป็นสมาร์ทโชห่วยอีกไม่ต่ำกว่า 738 ร้านค้า และลงนาม MOU ยกระดับร้านค้าส่ง-ค้าปลีกไทยให้มีภาพลักษณ์ใหม่สดใสกว่าเดิมร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร 27 องค์กร


นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือขับเคลื่อนโครงการ ‘สมาร์ทโชห่วย พลัส’ โดยมีนายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน 6 องค์กร รวม 28 หน่วยงาน ลงนามประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการฯ ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ ว่า “วันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือขับเคลื่อนโครงการ สมาร์ทโชห่วย พลัส ที่เกี่ยวข้องกับประชาชน และธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมาก โดยการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ มีเป้าหมายร่วมกันเพื่อผลักดันและพัฒนาร้านค้าโชห่วยให้เป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ครอบคลุมทั่วประเทศ สร้างโอกาสทางการค้าและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ทั้งการแข่งขันที่รุนแรงในยุคดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรวางกรอบแนวทางการพัฒนาร้านค้าโชห่วยทุกมิติทั้งระบบ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง นำธุรกิจเข้าสู่ช่องทางการขายในแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมทั้ง ให้การส่งเสริมสนับสนุนภารกิจทุกด้าน มุ่งหมายให้โชห่วยไทยเติบโตด้วยความมั่นคงและอยู่คู่สังคมไทยไปอีกนาน โครงการ‘สมาร์ทโชห่วย พลัส’ ตั้งเป้าขับเคลื่อนโครงการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2565 – 2569) โดยยกระดับและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เดินหน้าจัดกิจกรรมเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการและนำองค์ความรู้มาพัฒนาต่อยอดเพื่อผลักดันร้านค้าปลีกดั้งเดิมให้เป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ที่มีภาพลักษณ์ร้านค้าที่ดี มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการร้านค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ตลอดจนการมีช่องทางออนไลน์เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดโดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุน เพิ่มรายได้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ดึงเอาเอกลักษณ์และคุณสมบัติเด่นของร้านค้าโชห่วยขึ้นมาเป็นจุดเด่นเพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน


นอกจากนี้ ยังได้คัดเลือกร้านค้าส่งค้าปลีกที่ได้รับการพัฒนาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทั่วประเทศ จำนวน 246 ร้านค้า ให้เป็นร้านค้าต้นแบบ และเป็นพี่เลี้ยงผลักดันให้ร้านโชห่วยเครือข่ายที่อยู่ในท้องถิ่นเดียวกันได้รับการพัฒนาเป็นสมาร์ทโชห่วย โดยตั้งเป้าหมายไว้ คือ ร้านค้าต้นแบบ 1 ร้าน พัฒนาและผลักดันให้ร้านโชห่วยเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่เป็น สมาร์ทโชห่วย 3 ร้าน เบื้องต้น คาดว่าจะสามารถเพิ่มร้านสมาร์ทโชห่วยได้อีกจำนวน 738 ร้านค้าร้านโชห่วยท้องถิ่นที่ได้รับการพัฒนาจนเป็นร้านสมาร์ทโชห่วยจะได้รับตราสัญลักษณ์ ‘สมาร์ทโชห่วยพลัส by DBD และเพื่อน’ ติดไว้บริเวณหน้าร้าน เพื่อแสดงถึงศักยภาพของร้านโชห่วยท้องถิ่นที่ได้รับการพัฒนาและยกระดับให้เป็นร้านสมาร์ทโชห่วย และได้ผ่านการอบรมความรู้ศาสตร์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ มีการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการร้านค้า พัฒนาร้านค้าให้มีความสวย สว่าง สะอาด สะดวก สบาย ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้าน และช่วยเพิ่มยอดขาย ตลอดจน มีสิทธิเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ในการช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน

อย่างไรก็ตาม โครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส เป็นโครงการที่ต่อยอดจาก โครงการสมาร์ทโชห่วยโดยปี 2565 กำหนดเสริมสร้างองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการโชห่วยทั่วประเทศ 3,000 ราย และสร้างสมาร์ทโชห่วย 300 ราย ปี 2566 ตั้งเป้าหมายเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วย 3,000 ราย และสร้างสมาร์ทโชห่วย 400 ราย และในระยะ 5 ปี คาดว่าจะมีผู้ประกอบการโชห่วยที่ได้รับการเสริมสร้างองค์ความรู้รวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 20,000 ราย และได้รับการพัฒนาเป็นสมาร์ทโชห่วย 2,500 ราย โดยร้านโชห่วยมีบทบาทสำคัญในการกระจายรายได้สู่ชุมชน และเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

คดีสะเทือนขวัญ ฆ่าหั่นศพ “ยากูซ่า” จ.นนทบุรี

คดีสะเทือนขวัญ พบชิ้นส่วนมือ ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ล่าสุดตำรวจจับกุมหนึ่งในผู้ต้องหาได้แล้ว และทราบว่าทั้งผู้ตายและผู้ลงมือฆ่าหั่นศพ เป็นแก๊งยากูซ่าชาวญี่ปุ่น

ชาวบ้านร้องโรงงานเก็บสารเคมีเร่งเยียวยาเหตุไฟไหม้

ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม จ.ระยอง เรียกร้องโรงงานช่วยเหลือ บอกน้ำสักขวดก็ไม่ได้

แบงก์ชาติ​ส่งหนังสือให้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำสะดุด

ปลัดคลัง ระบุแบงก์ชาติ​ส่งหนังสือถึง ครม.ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำให้สะดุด ชี้เป็นข้อเสนอเก่า​​ เดินหน้าตามแผนเดิม​ 

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา เริ่มมีสัญญาณที่ดี-การสู้รบเงียบสงบ

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังการสู้รบเงียบสงบเกินกว่า 24 ชั่วโมง คาดมีการเจรจากันของกลุ่มต่อต้านและทางการเมียนมา หยุดยิงชั่วคราวเพื่อลดผลกระทบ