GPSC คุมต้นทุนผลิตไฟฟ้า รับมือราคาเชื้อเพลิงพุ่ง

กรุงเทพฯ 9 ส.ค.-  GPSC กำไรไตรมาส 2/65 โตเพิ่มขึ้น 118% จากไตรมาส 1ปัจจัยบวกผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่เพิ่มขึ้น และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การบริหารจัดการต้นทุนทุกหน่วย รับมือกับสถาณการณ์ราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูง


นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 27,719 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบไตรมาสแรกของปี 2565 (QoQ) ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118% แต่  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มีกำไรสุทธิลดลง 70% ปัจจัยจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้กำไรขั้นต้นจากการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง  และมีปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำลดลง

ทั้งนี้ บริษัท รับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี และผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่เพิ่มขึ้น จากอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) ที่ปรับเพิ่มขึ้น จาก 1.39 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ในรอบเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2565 รวมถึงปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน และการรับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ให้แก่ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด และยังมีการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าโกลว์พลังงานระยะที่ 5 ที่สามารถกลับมาเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าและไอน้ำได้ตามปกติ ภาพรวมกำไรขั้นต้นของผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) มีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากค่าความพร้อมจ่าย (AP) สาเหตุมาจากไตรมาส2/2565 โรงไฟฟ้าเก็คโค่วันมีการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนลดลง


นอกจากนี้ ความคืบหน้าของการ Synergy ส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้มูลค่าจากการควบรวบกิจการสุทธิหลังภาษีมูลค่า561 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2565  ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการการผลิตและการใช้โครงข่ายไอน้ำร่วมกันที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารการพาณิชย์ด้านต้นทุนการผลิต การขยายฐานลูกค้า การบริหารจัดการเรื่องหุ้นกู้ ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้

“จากราคาค่าเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นในครึ่งแรกของปี บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อการบริหารจัดการ รวมถึงการวางแผนและให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต หรือ Optimization และยังคงมุ่งเน้นการดำเนินการด้าน Synergy เพื่อบริหารจัดการการผลิต ผ่านโครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน รวมทั้งวางแผนการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำเป็นอันดับแรก หรือ Merit Order เพื่อลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด” นายวรวัฒน์กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง