อานิสงส์ เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย สร้างระบบน้ำในไร่นา ชุบชีวิตใหม่ให้สมาชิก

18 มิ.ย. – เริ่มผลิดอกออกผล อานิสงส์โครงการเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย สร้างระบบน้ำในไร่นา ชุบชีวิตใหม่ให้สมาชิกสหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด จ.บุรีรัมย์


ผลสำเร็จจากโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกรระยะที่ 1 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 อนุมัติจัดสรรเงินกู้ยืมปลอดดอกเบี้ย จากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวนเงิน 300 ล้านบาท โดยมีกำหนดระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี (2559-2564) เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้กับสถาบันเกษตรกรนำไปปล่อยกู้ให้กับสมาชิกใช้ในการพัฒนาแหล่งน้ำทั้งขุดสระ ขุดบ่อบาดาล และจัดหาวัสดุอุปกรณ์กักเก็บน้ำเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในพื้นที่การเกษตรของตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงภาวะขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้งที่พึ่งพาธรรมชาติเพียงอย่างเดียว มาวันนี้อานิสงส์โครงการฯ ได้เริ่มผลิดอกออกผลแล้วในหลายพื้นที่

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานของสหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ณ สหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด อำเภอคูเมือง เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการดังกล่าว โดยลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงเกษตรกผสมสานของลุงบุญมี อาจกล้า เกษตรกรสมาชิกวัย 71 ปี บ้านหัวฝาย ตำบลหินเหล็กไฟ ที่ได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสหกรณ์ ระยะที่ 1 โดยกู้เงินสหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด จำนวน 30,000 บาท เพื่อนำมาขุดบ่อเจาะบ่อบาดาลลึก 45 เมตร เพื่อใช้ในแปลงเกษตรกรผสมผสานควบคู่กับสระกักเก็บน้ำเดิมที่มีอยู่แล้วจำนวน 2 บ่อ ขนาดกว้าง 30 เมตร ยาว 40 เมตรและลึก 4 เมตร และกว้าง 20 เมตร ยาว 15 เมตร และลึก 4 เมตร


บนเนื้อที่ 26 ไร่ 1 งาน ของลุงบุญมี แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ 20 ไร่ หน่อไม้ 5 ไร่ พริก 3 งาน แฟง และข้าวโพด อย่างละ 1 งาน รวมทั้งเลี้ยงปลาดุก ปลานิล และเป็ด สำหรับบริโภคในครัวเรือน ซึ่งผลผลิตที่ได้ส่งจำหน่ายให้กับสหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด โดยในรอบปีการผลิตที่ผ่านมา มีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตมากกว่า 220,000 บาท

ลุงบุญมีเล่าว่า เดิมพื้นที่ตรงนี้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำนาปลูกข้าวเหนียวปีละครั้ง และต้องอาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว เนื่องจากพื้นที่อยู่นอกเขตชลประทานและขุดสระน้ำจำนวน 2 บ่อ สำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง แต่ก็ไม่สามารถเก็บนำไว้ใช้ได้ตลอด เมื่อถึงหน้าแล้งน้ำในบ่อก็แห้งขอด จึงคิดหาทางขุดบ่อบาดาล บังเอิญโชคดีช่วงปี 2560 มีโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกรระยะที่ 1 มาพอดี จึงได้ขอกู้เงินจากสหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด จำนวน 30,000 บาท เพื่อนำมาขุดบ่อบาดาล ทำให้มีน้ำใช้ประโยชน์ได้ตลอดทั้งปี จึงมีแนวคิดอยากทำเกษตรผสมผสานเพื่อจะได้มีรายได้เข้ามาทุกวัน ไม่ใช่ปีละครั้งจากการจำหน่ายข้าว (เหนียว) เพียงอย่างเดียวอย่างที่ผ่าน ๆ มา

“พอมีน้ำบาดาลก็หันมาทำเกษตรผสมผสานทันที ปลูกพืชหลายอย่างทั้งข้าว พืชผักไม้ผล เพราะมีน้ำตลอดทั้งปีจากบ่อบาดาล ตอนนี้กู้สหกรณ์ฯ คูเมืองมา 3 หมื่น เพื่อมาขุดบ่อบาลดาล ตอนนี้ใช้คืนหมดแล้วตั้งแต่ปีแรก อนาคตก็จะทำเกษตรผสมผสานอย่างนี้แหละ แต่จะเลือกพืชให้เหมาะกับพื้นที่และความต้องการของตลาดมากขึ้น” ลุงบุญมี เผย


ไม่เพียงลุงบุญมีที่ได้รับอาจนิสงส์จากโครงการฯ เกษตรกรรุ่นใหม่อย่าง น.ส.แสงระวี ภูมิลามัย 1 ในเกษตรกร 22 ราย ที่เข้าร่วมโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้านสานต่ออาชีพเกษตรของจังหวัดบุรีรัมย์ ก็ยังกู้เงินในโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาฯ มาพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่การเกษตรของตนเองอีกด้วย โดยเงินกู้ดังกล่าวจากสหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะบ่อบาดาล และติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในแปลงเกษตรผสมผสาน ทำให้แปลงเกษตรมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี ทั้งที่ก่อนหน้าพึ่งพาแต่น้ำฝน

“โครงการนี้ดีมาก อย่างเราไม่มีทุน พอมีเงินมาให้กู้ดอกเบี้ยพิเศษเราก็เอาทันที อย่างแหล่งน้ำ พื้นที่เราอยู่นอกเขตชลประทาน น้ำก็จะไม่มี ก็กู้เงินมาเจาะน้ำบาดาล ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ทำให้เราปลูกพืชผักได้ทั้งปี เพราะน้ำตลอด ทำให้ชีวิตดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ครั้งแรกปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพราะไม่มีระบบน้ำ ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นปลูกพืชหมุนเวียน ปลูกตลอดทั้งปี ตอนนี้มีรายได้เฉลี่ยตกประมาณ 6,000-10,000 ต่อเดือน อย่างพริก ผลผลิตทั้งหมดก็จะส่งที่สหกรณ์อาทิตย์ละ 3 วัน จันทร์ พุธ และศุกร์ ส่วนเห็ดฟางขายเองที่หน้าฟาร์ม และตอนนี้ผลผลิตก็ไม่พอขาย” เกษตรกรคนเดิมกล่าว

ด้านนายสุภาพ บุญเกิด สหกรณ์จังหวัด (สกจ.) บุรีรัมย์ กล่าวว่า สำหรับโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกรของจังหวัดบุรีรัมย์ มีเกือบ 500 ราย กู้ตั้งแต่ 30,000-80,000 บาทต่อราย ส่วนใหญ่จะนำไปพัฒนาแหล่งน้ำ ขุดสระ ขุดบ่อบาดาล ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในแปลงเกษตร ส่วนของสหกรณ์การเกษตรคู่เมือง จำกัด มีจำนวน 70 ราย สมาชิกสหกรณ์ที่กู้ไปก็ส่งคืนครบหมดแล้ว เพราะโครงการดังกล่าวสิ้นสุดแล้ว จากนี้ไปก็จะมีการต่อยอดเกษตรกรดังกล่าวเพื่อขยายผลไปสู่รายอื่นต่อไป

“ในวันที่ท่านอธิบดีวิศิษฐ์ และคณะ ลงมาติดตามผลการดำเนินโครงการ มาดูความสำเร็จของเกษตรกรที่ได้กูเงินจากโครงการนี้ไป ท่านก็ชื่นชมยินดี เห็นผลสำเร็จ ท่านอยากให้ขยายผลไปสู่เกษตรกรายอื่นด้วย เรามีต้นแบบในพื้นที่แล้ว อยากให้เกษตรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์รายอื่น ๆ ปรับเปลี่ยนในเรื่องของอาชีพ จากเดิมที่ทำนาทำไร่อ้อยเพียงอย่างเดียว ก็ให้หันมาทำเกษตรผสมผสาน แล้วให้สหกรณ์ช่วยจัดการเรื่องตลาด อย่างน้อยช่วยเขาให้มีรายได้เพิ่ม มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” สหกรณ์จังหวัด (สกจ.) บุรีรัมย์ กล่าวย้ำทิ้งท้าย .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]