fbpx

คมนาคมปลื้มผลงานทุกมิติของการเดินทางสามารถทำได้ตามแผน

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย.3-รัฐมนตรีคมนาคมกล่าวในงานสัมมนา Meet & Greet “Thailand Moving Together กอด กินบิน เที่ยว ใช้ชีวิตใกล้ชิดอีกครั้ง ชี้สามารถวางแผนการดำเนินการโครงการเดินทางได้ทุกมิติมีแผนที่ชัดเจนทำให้การเดินทางดีขึ้น แม้ว่าในช่วง 2 ปีเจอปัญหาโควิดระบาด แต่เตรียมแผนเดินหน้ารองรับการเดินทางทุกด้านพร้อมแล้ว


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวปาฐกาพิเศษในงาน Meet & Greet “Thailand Moving Together กอด กิน บิน เที่ยว ใช้ชีวิตใกล้ชิดอีกครั้ง” โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมในงานนี้ด้วย และยังมีนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสิรภพ ดวงสอดศรี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้าน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมาคมต่าง ๆ และตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวและภาคการขนส่ง รวมทั้งภาคประชาชน เข้าร่วมงานดังกล่าว จัดขึ้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ปี 2563 ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชน ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข กระทรวง  การท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม ได้ประสานความร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเตรียมความพร้อมรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย โดยกระทรวงคมนาคมได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน ณ สถานีกลางบางซื่อ ปัจจุบันได้ให้บริการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 20 ล้านโดส ซึ่งเป็นผลให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี


ทั้งนี้ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แต่กระทรวงคมนาคมไม่ได้หยุดหรือชะลอการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เนื่องจากเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ รองรับการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยภายหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย 

กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมในทุกมิติของการเดินทางแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก ดังนี้ 1. การเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการบินของไทยจะกลับสู่ภาวะปกติในปี 2567 และผู้โดยสารจะเติบโตถึง 200 ล้านคนต่อปีในปี 2574 โดยอุตสาหกรรมการบินของไทยจะเติบโตเป็นอันดับ 9 ของโลก นับตั้งแต่มีมาตรการเปิดประเทศปริมาณผู้โดยสารต่างชาติต่อเดือนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มสูงขึ้นจาก 270,000 คนต่อเดือน ในช่วงต้นปี2565 เป็นกว่า 1 ล้านคนในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 

จากการคาดการณ์ในปี 2565 จะมีจำนวนผู้โดยสารเดินทางโดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกว่า 22 ล้านคน นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยประมาณ 6 ล้านคน โดยค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อคนตามข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะอยู่ที่ประมาณคนละ 48,000 บาทจะก่อให้เกิดเม็ดเงินที่เป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประเทศ สูงถึง 326,000 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 565,450 ล้านบาท ในปี 2566 ซึ่งจะทำให้เกิดผลประโยชน์ทวีคูณทางเศรษฐกิจถึง 1.34 ล้านล้านบาท


ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้กระทรวงคมนาคมได้มีการเตรียมความพร้อมแล้วในทุกมิติเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ปัจจุบันท่าอากาศยานเกือบทุกแห่งมีความพร้อมแล้วสำหรับการรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีการเตรียมความพร้อม Slot รองรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้นจากมาตการเปิดประเทศในท่าอากาศยานหลัก การเตรียมความพร้อมระบบ Self Check-in ที่ท่าอากาศยาน เพื่อลดการสัมผัสตามมาตรการสาธารณสุข รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการผู้โดยสารและลดแถวคอย Check-in และเตรียมความพร้อมตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินอกจากนี้ ยังได้กำชับกรมการขนส่งทางบกให้ส่งผู้ตรวจการกรมลงพื้นที่ตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะและรถแท็กซี่โดยเฉพาะในพื้นที่ท่าอากาศยาน สถานีขนส่งผู้โดยสารให้มีความพร้อมในการบริการผู้โดยสาร ส่วนการเดินรถโดยสารประจำทางเส้นทางระหว่างประเทศ บขส. ได้เปิดเดินรถระหว่างประเทศไทย – สปป.ลาว จำนวน 9 เส้นทาง ในวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา

2. การเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคู่ขนานกันทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ    และทางอากาศ ซึ่งแต่ละโครงการมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก ขณะที่หลายโครงการเป็นการลงทุนต่อเนื่อง   ต้องใช้เวลาในการดำเนินการนอกจากนี้กระทรวงคมนาคมมีแผนที่จะลงทุนในอนาคต เพื่อขับเคลื่อนพัฒนางานคมนาคมครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งสรุปการดำเนินงานที่ผ่านมาได้ดังนี้ การเดินทางทางราง

การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รัฐบาลเร่งรัดการดำเนินการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และชานเมือง ซึ่งเป็นหัวใจการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดและลดปัญหามลพิษ    ซึ่งตามแผนแม่บทการพัฒนามีทั้งหมด 14 สี 27 เส้นทาง ระยะทาง 554 กิโลเมตร ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วจำนวน 7 สี 11 เส้นทาง รวมระยะทาง 212 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 4 สี 4 เส้นทาง รวมระยะทาง 114 กิโลเมตร ได้แก่ 1) สายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรี คาดว่าจะเปิดให้บริการเดือนกรกฎาคม 2566 2) สายสีเหลือง   ช่วงลาดพร้าว – สำโรง คาดว่าจะเปิดให้บริการเดือนเมษายน 2566 3) สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี    คาดว่าจะเปิดให้บริการเดือนธันวาคม 2568 และ 4) แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ช่วงพญาไท – ดอนเมือง ตามแผนจะเปิดให้บริการเดือนมกราคม 2571

การพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้วางแผนการลงทุนเพื่อพัฒนารถไฟทางคู่ในโครงข่ายทางรถไฟดังนี้ 1) เร่งรัดการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ให้แล้วเสร็จ ประกอบด้วย เส้นทางลพบุรี – ปากน้ำโพ นครปฐม – หัวหิน หัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ และประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร 2) เริ่มงานการก่อสร้าง     ทางรถไฟสายใหม่ ประกอบด้วย เส้นทางเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และบ้านไผ่ – มุกดาหาร – นครพนม    และ 3) การเสนอขออนุมัติโครงการทางคู่ ระยะที่ 2 อีก 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,483 กิโลเมตร จะทำให้ประเทศไทยจะมีเส้นทางรถไฟทางคู่มากกว่า 3,200 กิโลเมตร ทั่วประเทศ

การพัฒนารถไฟความเร็วสูง (High Speed Rail) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางของประชาชนและเชื่อมต่อประเทศไทยกับประเทศอื่นในภูมิภาค ในปี 2565 กระทรวงคมนาคมกำลังเร่งดำเนินการ ดังนี้ 1) โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา 2) โครงการรถไฟความเร็วสูง    ช่วงที่ 2 นครราชสีมา – หนองคาย และ3) รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา)

ขณะที่ การเดินทางทางถนน กระทรวงคมนาคมได้พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางถนนที่สำคัญ ประกอบด้วย 1) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) 2) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) ทั้ง 2 โครงการจะเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2565 และเริ่มหาเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาและบริหารที่พัก     ริมทาง เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้บางส่วนในปี 2566

การเดินทางทางน้ำ โครงการพัฒนาท่าเรือที่สำคัญของประเทศไทย จำนวน 2 ท่าเรือ ประกอบด้วย 1) โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F เมื่อพัฒนาแล้วจะเพิ่มขีดความสามารถท่าเรือ แหลมฉบังจาก 11 ล้านตู้ต่อปี เป็น 18 ล้านตู้ต่อปี คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2568 และ 2) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการถมทะเล โดยจะเพิ่มขีดความสามารถท่าเรือจาก 16 ล้านตันต่อปีเป็น 31 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะเปิดให้บริการปี 2569

การเดินทางทางอากาศ โครงการพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางอากาศที่สำคัญ จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วยประกอบด้วย 1) การพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หรือ SAT-1 เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันได้ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ และ 2) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา ขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากปัจจุบัน 3 ล้านคนต่อปี ให้ได้ 15.9 ล้านคนต่อปี ในปี 2567 ช่วยรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ EEC

อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของประเทศสำหรับอนาคต ประกอบด้วย 1) โครงการ MR-MAP เป็นการพัฒนาแนวโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองคู่ขนานไปกับโครงข่ายรถไฟทางคู่ ประกอบด้วย 10 เส้นทาง แบ่งเป็นแนวเหนือใต้ 3 เส้นทาง แนวตะวันออก – ตะวันตก 6 เส้นทางและแนววงแหวนอีก 1 เส้นทาง 2) โครงการ Landbridge ชุมพร – ระนอง กระทรวงคมนาคมได้ทำการศึกษาโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน ที่จังหวัดชุมพรและระนอง ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นทางเลือกให้ผู้ประกอบการขนส่งเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดของช่องแคบมะละกา และจะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางน้ำที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางน้ำที่สำคัญ และ 3) การจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งทางทะเล อยู่ระหว่างดำเนินโครงการการจัดตั้งสายเดินเรือแห่งชาติ โดยรูปแบบในการดำเนินการรัฐบาลจะร่วมกับภาคเอกชนในการจัดตั้งสายเดินเรือของไทยขึ้น 

โดยรัฐบาลจะอำนวยความสะดวกพร้อมให้สิทธิพิเศษในการจัดตั้งและดำเนินการเพื่อให้กองเรือไทยสามารถแข่งขันได้ และเป็นเครื่องมือในการขนส่งสินค้าของไทยทั้งการนำเข้าและส่งออก เพื่อสร้างความเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป ท้ายนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขที่ได้เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากตัวแทนสมาคม ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวและภาคการขนส่ง รวมทั้งภาคประชาชน    เพื่อรวบรวมความเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการวางแผนสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม ซึ่งกระทรวงคมนาคมพร้อมนำความเห็นที่เป็นประโยชน์ไปปรับการดำเนินการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัด-กลางวันฟ้าหลัว

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง