คมนาคมปลื้มผลงานทุกมิติของการเดินทางสามารถทำได้ตามแผน

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย.3-รัฐมนตรีคมนาคมกล่าวในงานสัมมนา Meet & Greet “Thailand Moving Together กอด กินบิน เที่ยว ใช้ชีวิตใกล้ชิดอีกครั้ง ชี้สามารถวางแผนการดำเนินการโครงการเดินทางได้ทุกมิติมีแผนที่ชัดเจนทำให้การเดินทางดีขึ้น แม้ว่าในช่วง 2 ปีเจอปัญหาโควิดระบาด แต่เตรียมแผนเดินหน้ารองรับการเดินทางทุกด้านพร้อมแล้ว


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวปาฐกาพิเศษในงาน Meet & Greet “Thailand Moving Together กอด กิน บิน เที่ยว ใช้ชีวิตใกล้ชิดอีกครั้ง” โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมในงานนี้ด้วย และยังมีนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสิรภพ ดวงสอดศรี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้าน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมาคมต่าง ๆ และตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวและภาคการขนส่ง รวมทั้งภาคประชาชน เข้าร่วมงานดังกล่าว จัดขึ้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ปี 2563 ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชน ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข กระทรวง  การท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม ได้ประสานความร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเตรียมความพร้อมรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย โดยกระทรวงคมนาคมได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน ณ สถานีกลางบางซื่อ ปัจจุบันได้ให้บริการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 20 ล้านโดส ซึ่งเป็นผลให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี


ทั้งนี้ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แต่กระทรวงคมนาคมไม่ได้หยุดหรือชะลอการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เนื่องจากเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ รองรับการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยภายหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย 

กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมในทุกมิติของการเดินทางแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก ดังนี้ 1. การเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการบินของไทยจะกลับสู่ภาวะปกติในปี 2567 และผู้โดยสารจะเติบโตถึง 200 ล้านคนต่อปีในปี 2574 โดยอุตสาหกรรมการบินของไทยจะเติบโตเป็นอันดับ 9 ของโลก นับตั้งแต่มีมาตรการเปิดประเทศปริมาณผู้โดยสารต่างชาติต่อเดือนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มสูงขึ้นจาก 270,000 คนต่อเดือน ในช่วงต้นปี2565 เป็นกว่า 1 ล้านคนในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 

จากการคาดการณ์ในปี 2565 จะมีจำนวนผู้โดยสารเดินทางโดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกว่า 22 ล้านคน นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยประมาณ 6 ล้านคน โดยค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อคนตามข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะอยู่ที่ประมาณคนละ 48,000 บาทจะก่อให้เกิดเม็ดเงินที่เป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประเทศ สูงถึง 326,000 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 565,450 ล้านบาท ในปี 2566 ซึ่งจะทำให้เกิดผลประโยชน์ทวีคูณทางเศรษฐกิจถึง 1.34 ล้านล้านบาท


ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้กระทรวงคมนาคมได้มีการเตรียมความพร้อมแล้วในทุกมิติเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ปัจจุบันท่าอากาศยานเกือบทุกแห่งมีความพร้อมแล้วสำหรับการรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีการเตรียมความพร้อม Slot รองรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้นจากมาตการเปิดประเทศในท่าอากาศยานหลัก การเตรียมความพร้อมระบบ Self Check-in ที่ท่าอากาศยาน เพื่อลดการสัมผัสตามมาตรการสาธารณสุข รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการผู้โดยสารและลดแถวคอย Check-in และเตรียมความพร้อมตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินอกจากนี้ ยังได้กำชับกรมการขนส่งทางบกให้ส่งผู้ตรวจการกรมลงพื้นที่ตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะและรถแท็กซี่โดยเฉพาะในพื้นที่ท่าอากาศยาน สถานีขนส่งผู้โดยสารให้มีความพร้อมในการบริการผู้โดยสาร ส่วนการเดินรถโดยสารประจำทางเส้นทางระหว่างประเทศ บขส. ได้เปิดเดินรถระหว่างประเทศไทย – สปป.ลาว จำนวน 9 เส้นทาง ในวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา

2. การเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคู่ขนานกันทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ    และทางอากาศ ซึ่งแต่ละโครงการมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก ขณะที่หลายโครงการเป็นการลงทุนต่อเนื่อง   ต้องใช้เวลาในการดำเนินการนอกจากนี้กระทรวงคมนาคมมีแผนที่จะลงทุนในอนาคต เพื่อขับเคลื่อนพัฒนางานคมนาคมครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งสรุปการดำเนินงานที่ผ่านมาได้ดังนี้ การเดินทางทางราง

การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รัฐบาลเร่งรัดการดำเนินการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และชานเมือง ซึ่งเป็นหัวใจการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดและลดปัญหามลพิษ    ซึ่งตามแผนแม่บทการพัฒนามีทั้งหมด 14 สี 27 เส้นทาง ระยะทาง 554 กิโลเมตร ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วจำนวน 7 สี 11 เส้นทาง รวมระยะทาง 212 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 4 สี 4 เส้นทาง รวมระยะทาง 114 กิโลเมตร ได้แก่ 1) สายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรี คาดว่าจะเปิดให้บริการเดือนกรกฎาคม 2566 2) สายสีเหลือง   ช่วงลาดพร้าว – สำโรง คาดว่าจะเปิดให้บริการเดือนเมษายน 2566 3) สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี    คาดว่าจะเปิดให้บริการเดือนธันวาคม 2568 และ 4) แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ช่วงพญาไท – ดอนเมือง ตามแผนจะเปิดให้บริการเดือนมกราคม 2571

การพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้วางแผนการลงทุนเพื่อพัฒนารถไฟทางคู่ในโครงข่ายทางรถไฟดังนี้ 1) เร่งรัดการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ให้แล้วเสร็จ ประกอบด้วย เส้นทางลพบุรี – ปากน้ำโพ นครปฐม – หัวหิน หัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ และประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร 2) เริ่มงานการก่อสร้าง     ทางรถไฟสายใหม่ ประกอบด้วย เส้นทางเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และบ้านไผ่ – มุกดาหาร – นครพนม    และ 3) การเสนอขออนุมัติโครงการทางคู่ ระยะที่ 2 อีก 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,483 กิโลเมตร จะทำให้ประเทศไทยจะมีเส้นทางรถไฟทางคู่มากกว่า 3,200 กิโลเมตร ทั่วประเทศ

การพัฒนารถไฟความเร็วสูง (High Speed Rail) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางของประชาชนและเชื่อมต่อประเทศไทยกับประเทศอื่นในภูมิภาค ในปี 2565 กระทรวงคมนาคมกำลังเร่งดำเนินการ ดังนี้ 1) โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา 2) โครงการรถไฟความเร็วสูง    ช่วงที่ 2 นครราชสีมา – หนองคาย และ3) รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา)

ขณะที่ การเดินทางทางถนน กระทรวงคมนาคมได้พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางถนนที่สำคัญ ประกอบด้วย 1) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) 2) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) ทั้ง 2 โครงการจะเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2565 และเริ่มหาเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาและบริหารที่พัก     ริมทาง เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้บางส่วนในปี 2566

การเดินทางทางน้ำ โครงการพัฒนาท่าเรือที่สำคัญของประเทศไทย จำนวน 2 ท่าเรือ ประกอบด้วย 1) โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F เมื่อพัฒนาแล้วจะเพิ่มขีดความสามารถท่าเรือ แหลมฉบังจาก 11 ล้านตู้ต่อปี เป็น 18 ล้านตู้ต่อปี คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2568 และ 2) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการถมทะเล โดยจะเพิ่มขีดความสามารถท่าเรือจาก 16 ล้านตันต่อปีเป็น 31 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะเปิดให้บริการปี 2569

การเดินทางทางอากาศ โครงการพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางอากาศที่สำคัญ จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วยประกอบด้วย 1) การพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หรือ SAT-1 เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันได้ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ และ 2) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา ขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากปัจจุบัน 3 ล้านคนต่อปี ให้ได้ 15.9 ล้านคนต่อปี ในปี 2567 ช่วยรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ EEC

อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของประเทศสำหรับอนาคต ประกอบด้วย 1) โครงการ MR-MAP เป็นการพัฒนาแนวโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองคู่ขนานไปกับโครงข่ายรถไฟทางคู่ ประกอบด้วย 10 เส้นทาง แบ่งเป็นแนวเหนือใต้ 3 เส้นทาง แนวตะวันออก – ตะวันตก 6 เส้นทางและแนววงแหวนอีก 1 เส้นทาง 2) โครงการ Landbridge ชุมพร – ระนอง กระทรวงคมนาคมได้ทำการศึกษาโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน ที่จังหวัดชุมพรและระนอง ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นทางเลือกให้ผู้ประกอบการขนส่งเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดของช่องแคบมะละกา และจะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางน้ำที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางน้ำที่สำคัญ และ 3) การจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งทางทะเล อยู่ระหว่างดำเนินโครงการการจัดตั้งสายเดินเรือแห่งชาติ โดยรูปแบบในการดำเนินการรัฐบาลจะร่วมกับภาคเอกชนในการจัดตั้งสายเดินเรือของไทยขึ้น 

โดยรัฐบาลจะอำนวยความสะดวกพร้อมให้สิทธิพิเศษในการจัดตั้งและดำเนินการเพื่อให้กองเรือไทยสามารถแข่งขันได้ และเป็นเครื่องมือในการขนส่งสินค้าของไทยทั้งการนำเข้าและส่งออก เพื่อสร้างความเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป ท้ายนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขที่ได้เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากตัวแทนสมาคม ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวและภาคการขนส่ง รวมทั้งภาคประชาชน    เพื่อรวบรวมความเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการวางแผนสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม ซึ่งกระทรวงคมนาคมพร้อมนำความเห็นที่เป็นประโยชน์ไปปรับการดำเนินการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]

เพื่อไทยขอบคุณทุกคะแนนเสียง หลัง “สง่า” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – พรรคเพื่อไทย ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชน หลังผลเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ “สง่า” ชนะขาด “สุทัศน์” จากพรรคประชาชน เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความภายหลังผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 อย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ชนะขาดนายสุทัศน์ ยาละ ผู้สมัครของพรรคประชาชน หมายเลข 2 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ที่ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงราย จากพรรคเพื่อไทย ทีมงานทุกคน พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อชีวิตที่ดี เพื่อไทยทุกคน.-316-สำนักข่าวไทย

“เพื่อไทย” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย

เชียงราย 14 ก.ย. – ผลคะแนนเลือกตั้ง สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.39 น. “สง่า พรมเมือง” พรรคเพื่อไทย คะแนนนำโด่งทิ้งคู่แข่ง “สุทัศน์ ยาละ” พรรคประชาชน กว่า 2 หมื่นคะแนน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ขอบคุณประชาชนเทคะแนนให้ “สง่า” คว้าชัย วันที่ 14 ก.ย.68 เวลา 19.39 น. ที่ศูนย์รวมคะแนนประจำเขตเลือกตั้งที่ 7 อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ภายหลังปิดหีบลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. จากนั้นเริ่มนับคะแนน โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย รายงานเมื่อเวลา เวลา 19.39 น. พบว่า นายสง่า พรมเมือง […]

ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีที่ไม่เกี่ยวกับบัญชีม้า

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวให้ประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า แจงระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชี ยังคงทำธุรกรรมได้ปกติ ส่วนบัญชีม้าจะไม่ปลดล็อกเด็ดขาด พร้อมแจงการอายัดบัญชีทำได้เฉพาะกรณีที่มีหมายจากตำรวจเท่านั้น ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมการดำเนินมาตรการเพิกถอนการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวในบัญชีที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นผลมาจากการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ เปิดเผยว่า ตามที่มีกรณีประชาชนได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ซึ่งธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว โดยจะมีการระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งบัญชีธนาคารนั้นยังคงสามารถทำธุรกรรมได้อยู่ตามปกติ ในส่วนของการอายัดบัญชีเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดบัญชี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมีหมายอายัดเท่านั้น ทั้งนี้ […]