กรุงเทพฯ 9 พ.ค.-“สุพัฒนพงษ์” คาด ป.ป.ช. ชี้ขาด ฮั้ว รฟ.ชุมชน ภายใน ก.ค. ย้ำส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน ช่วยลดพึ่งพาน้ำมัน ลดโลกร้อน ชุมชนมีรายได้
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นโยบายของตนคือส่งเสริมพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดการพึ่งพาพลังงานในประเทศ และลดโลกร้อน โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรด้วย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาโครงการไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากผู้ประกอบการมีการฟ้องร้องกันเอง เรื่องการประมูลไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงานป.ป.ช.) ซึ่งทางกระทรวงฯ ก็ได้ประสานกับ ป.ป.ช. ซึ่งคาดว่าจะพิจารณาชี้ขาดในเดือน กรกฏาคมนี้ โดยข้อร้องเรียน คือ การประมูลเข้าข่ายการกระทำผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐพ.ศ.2542 และมีการร้องเรียนเมื่อ วันที่ 5 ต.ค. 64
ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. ได้ออกประกาศเปลี่ยนแปลงกรอบระยะเวลาลงนามซื้อขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง)เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ตามที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือ PEA เสนอโดยให้เลื่อนไปเป็นวันที่ 2 กรกฎาคม 2565 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 21 เม.ย.
“ขณะนี้รอฟังผลจาก ป.ป.ช.ว่าโรงไฟฟ้าชุมชนที่ถูกฟ้องร้อง จะมีการกระทำผิดจริงหรือไม่ จะผิดเป็นรายองค์กร หรือผิดทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในส่วนโครงการรอบใหม่นั้นได้ สั่งการให้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. ) พิจารณาว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะประกาศรับซื้อ เป็นเฉพาะแต่ละพื้นที่ เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้บ้างและเป็นประโยชน์ต่อชุมชน-เกษตรกร” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
สำหรับการพิจารณาคัดเลือกโรงไฟฟ้าชุมเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ทางกกพ.ได้ประกาศเมื่อ 23 ก.ย. 64 มีผู้ได้รับการคัดเลือก 43 ราย เสนอขายรวม 149.50 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 3.1831 บาทต่อหน่วย) แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล 16 ราย เสนอขายรวม 75.00 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 2.7972 บาทต่อหน่วย) และประเภทก๊าซชีวภาพ 27 ราย ปริมาณเสนอขายรวม 74.50 เมกะวัตต์ (ค่าไฟฟ้าเสนอขายเฉลี่ย 3.5717 บาทต่อหน่วย .–สำนักข่าวไทย