กรุงเทพฯ 28 มี.ค.-ปตท.สผ.หวั่นสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ยืดเยื้อ อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปีเฉลี่ย 90-100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เร่งเจาะหลุมผลิตเพิ่มในแหล่งเอราวัณ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตก๊าซฯ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันใน 24 เดือนข้างหน้า
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) ( PTTEP )หรือ ปตท.สผ.เปิดเผยในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) วันที่ 28 มี.ค.2565 ว่า ราคาน้ำมันโลกที่ผันผวนจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้น ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ราคาขายปิโตรเลียมของ ปตท.สผ.ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และจะส่งผลต่อราคาก๊าซฯที่จะปรับตามราคาน้ำมันดิบย้อนหลัง 6-12 เดือน ซึ่งปัจจุบัน ปตท.สผ.มีสัดส่วนรายได้จากการขายก๊าซฯ ในสัดส่วน 70% และการขายน้ำมัน สัดส่วน 30% หากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อจะเห็นราคาน้ำมันดิบขึ้นไปแตะ 125 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 90-100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ถ้าสงครามสิ้นสุดภายในเดือนเมษายน ราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวลงมา ราคาทั้งปีเฉลี่ย 80- 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ส่วนการเปลี่ยนผ่านการดำเนินการในแปลงเอราวัณ ซึ่งบริษัทจะเข้าเป็นผู้ดำเนินการ (Operator) ในวันที่ 24 เมษายนนี้ เร่งแผนพัฒนากำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติขึ้นมาให้ได้ 800ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต(PSC)ใน24เดือน รวมทั้งเดินหน้าลงทุนในโครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน หากสถานการณ์ต่างๆกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ คาดว่าจะเริ่มทำการผลิตน้ำมันดิบได้ในเร็วๆนี้
ปตท.สผ.คาดว่าการผลิตก๊าซฯจากแหล่งเอราวัณหลังครบกำหนดสัญญาสัมปทานเดิมในเดือนเมษายนนี้อยู่ที่ 425 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เนื่องจากผู้รับสัมปทานรายเดิมได้หยุดการพัฒนาแหล่งก๊าซฯมาระยะหนึ่งแล้ว ส่งผลให้ปริมาณก๊าซฯลดลงและมีบางหลุมต้องปิดลงไป ดังนั้นในช่วงเริ่มต้นสัญญาแบ่งปันผลผลิต(PSC) ปตท.สผ.จำเป็นต้องรักษาอัตราการผลิตก๊าซฯให้อยู่ในระดับ 250-300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และใช้เวลา 24 เดือนในการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซฯให้กลับมาอยู่ที่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ.ยังได้วางแผนเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซฯจากแหล่งอื่นมาชดเชย เช่น แหล่งบงกช คาดว่าจะเพิ่มอัตราการผลิตฯได้ 125 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แหล่งอาทิตย์ คาดว่าจะผลิตเพิ่ม 60 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และแหล่ง JDA คาดว่าจะผลิตเพิ่ม 30-50 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน รวมทั้ง 3 แหล่ง จะเพิ่มก๊าซฯเพิ่มได้ รวม 200-250 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะที่สัญญา PSC ของแหล่งเอราวัณมีอายุ 20 ปี และหากพบว่ายังมีศักยภาพในการผลิตปิโตรเลียมได้ต่อก็สามารถต่ออายุสัญญาออกไปได้อีก 10 ปี
ส่วนกรณีที่โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ (TotalEnergies EP Myanmar) ได้แจ้งขอยุติการเป็นผู้ร่วมทุนและผู้ดำเนินการในโครงการยาดานา ประเทศเมียนมา ช่วงปลายเดือนม.ค.2565 นั้น โดยที่ ปตท.สผ. ขอแจ้งว่า บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PTTEPI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่ม ปตท.สผ. จะเป็นผู้ดำเนินการแทนโททาล มีผลในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ส่งผลให้ ปตท.สผ.รับรู้รายได้เพิ่มเป็น 4% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท จากเดิม 3% ส่วนการลงทุนเพิ่มในโครงการแหล่งก๊าซฯยาดานาไม่มากนัก เนื่องจากโครงการยาดานามีการผลิตเชิงพาณิชย์และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแล้ว โดยบริษัทจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในส่วนรายจ่ายลงทุน( CAPEX) ปีละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายจ่ายดำเนินงาน(OPEX) เพิ่มขึ้นปีละ 8 ล้านเหรียญสหรัฐเริ่มตั้งแต่ปี 2566.-สำนักข่าวไทย