ไทยคว้าอันดับ 4 ของโลก หลัง 41 บจ.ติดหุ้นยั่งยืนโลก S&P Global

กรุงเทพฯ 16 ก.พ.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย 41 บริษัทไทยติดอันดับด้านความยั่งยืน (S&P Global Sustainability Awards) โดย S&P Global มากเป็นอันดับ 4 ของโลก และเพิ่มขึ้น 12 บริษัทจากปีที่ผ่านมา ตอกย้ำความเชื่อมั่นในสายตาผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุนธุรกิจให้ความสำคัญกับการดำเนินงานเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ผ่านการส่งเสริมในหลากหลายรูปแบบ ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถบูรณาการแนวทางด้านความยั่งยืนเข้าสู่กระบวนการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจและขับเคลื่อนความยั่งยืนของประเทศ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการพัฒนาตลาดทุนเพื่อทุกภาคส่วน “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone”


“ปัจจุบันภาคธุรกิจไทยเห็นความสำคัญของการดำเนินงานโดยคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) และใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ธุรกิจไทยจำนวนมากโดดเด่นด้านความยั่งยืนจนเป็นที่ยอมรับ และได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืนระดับสากล

ล่าสุดปี 2565 S&P Global ได้ประกาศอันดับด้านความยั่งยืน (S&P Global Sustainability Awards) พบว่า บริษัทไทยผ่านเกณฑ์การประเมินและติดอันดับมากถึง 41 บริษัท ซึ่งมากสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลี โดยในจำนวนนี้ เป็นบริษัทจดทะเบียน 38 บริษัท ทั้งนี้ S&P Global ได้ประเมินบริษัททั่วโลกถึง 7,554 บริษัท และคัดเลือกเหลือเพียง 716 บริษัทที่ได้รับการจัดอันดับดังกล่าว” นายภากรกล่าว


S&P Global ได้ประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับใน The Sustainability Yearbook 2022 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยจัดเป็น 4 ระดับได้แก่ Gold Silver Bronze และ Member มีบริษัทไทยได้ระดับสูงสุด Gold Class รวม 8 บริษัท ได้แก่ BANPU, BTS, CPALL, KBANK, PTTGC, TRUE, TU และ Thai Beverage ระดับ Silver Class รวม 13 บริษัท ได้แก่ ADVANC, BCP, BJC, CPF, EGCO, HMPRO, PTT, PTTEP, SCGP, SCC, SCB, TOP, และ Mitr Phol ระดับ Bronze Class รวม 5 บริษัท ได้แก่ AOT, DELTA, GPSC, IRPC และ CP Group และระดับ Member อีก 15 บริษัท ได้แก่ AWC, BBL, BDMS, BGRIM, BPP, CPN, CPNREIT, CRC, EA, GULF, IVL, KTC, MINT, TTB และ VGI

ผลประเมินด้านความยั่งยืนของ S&P Global เป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนทั่วโลกใช้ในการวิเคราะห์และพิจารณาตัดสินใจลงทุน นอกจากนี้ S&P Global ยังได้สรุปประเด็นและพัฒนาการด้านความยั่งยืนที่บริษัทจำเป็นต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้การดำเนินงานด้านความยั่งยืนประสบผลสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในปีนี้ S&P Global เน้นย้ำถึงวิกฤตของปัญหาภาวะโลกร้อนที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่บริษัทจำนวนมากยังไม่ได้กำหนดอย่างชัดเจน ทำให้การดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควรจะเป็น.-สำนักข่าว​ไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก