กรุงเทพฯ 2 ก.พ.-ธอส. ลุยปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่ม 3% มุ่งเน้นรายย่อยในปีขาล 8 หมื่นล้านบาท หลังปี 64 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 2.47 แสนล้านบาท กำไรสุทธิ 12,000 ล้านบาท ยอมรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น อาจกระทบชำระเงินงวดเพิ่ม 300-500 บาท ไม่หวั่นหนี้ NPL ตั้งสำรองเกินร้อยเปอร์เซ็นต์
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 ธอส. มุ่งปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลากหลายและคิดดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะ โครงการบ้านล้านหลัง เฟส 2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรกเท่ากับ 1.99% ต่อปี ราคาซื้อ-ขายบ้านไม่เกิน 1.2 ล้านบาท เตรียมวงเงินรองรับ 20,000 ล้านบาท ขณะนี้มีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 78,028 ราย ต้องการขอกู้ 93,633 ล้านบาท ยื่นคำขอกู้แล้ว 8,020 ราย วงเงิน 7,021 ล้านบาท สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่ออื่นอีก 40,000 ล้านบาท และยังเตรียมออกสลากออมทรัพย์ ดอกเบี้ยจูงใจ หวังเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 65 เพื่อจัดทำสินเชื่อ ในลักษณะ Peer-to-Peer Lending (P2P) เชื่อมโยงเงินระหว่างผู้มีเงินออม ( Wealth) นำมาให้กับผู้ต้องการบ้าน กลุ่มลูกค้า 20,000 ล้านบาท รองรับยอดรวมกลุ่มเป้าหมายรายย่อย 8 หมื่นล้านบาท
ยอมรับว่าพฤติกรรมความต้องการซื้อบ้านได้เปลี่ยนแปลง และสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขยับตัวเพิ่ม หลังจากผู้ประกอบการอสังหาฯได้รายสตอกเดิมในช่วงปี 63-64 หลังจากนี้จะเริ่มสร้างบ้านใหม่ ออกโครงการทำเลใหม่ๆเพิ่มเติม จากปัญหาโควิด-19 ทำให้คนเมืองเริ่มหันออกไปซื้อบ้านเดี่ยวชานเมือง เพราะต้องการพื้นที่บริเวณบ้าน โดยขายคอนโดฯหลังเดิม เพราะขณะนี้รถไฟฟ้าขยายออกไปถึงชานเมืองมากขึ้น ขณะนี้หนุ่มสาวเรียนจบใหม่ เพิ่งทำงานจะเข้ามาหาซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองแทน ตลาดอสังหาฯในปี 65 พอขยายตัวได้
นายฉัตรชัย มองว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเฟดเตรียมประชุมเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนมีนาคม 65 หากปรับเพิ่มสองครั้ง คาดว่า กนง.ต้องขยับเพิ่มตาม ร้อยละ 0.25 ในขณะที่ ธอส. คงต้องปรับเพิ่มครึ่งหนึ่งของ กนง.หรือประมาณร้อยละ 0.125 เพื่อไม่ให้กระทบกับลูกค้า ธอส. การปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง ยังดูแลลูกค้าได้ ยอมรับว่า ธอส. อาจต้องปรับเพิ่มเงินงวดรายเดือน สำหรับกลู่มราคาบ้านไม่เกิน 1 ล้านบาท อาจต้องจ่ายค่างวดเพิ่ม 300-500 บาทต่อเดือน นับว่าเป็นการขยับเพิ่มในรอบหลายปี
สำหรับผลการดำเนินงาน ปี 2564 ยังคงต้องเผชิญกับ COVID-19 แต่ ธอส. ช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางให้มีที่อยู่อาศัย จึงปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 246,875 ล้านบาท 181,843 บัญชี เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.65 สูงกว่าเป้าหมาย 31,234 ล้านบาท และถือเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ สูงสุดในประวัติศาสตร์ 68 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคาร แบ่งเป็น สินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 85,403 ราย คิดเป็นร้อยละ 57 ของลูกค้าใหม่ ทำให้มีสินเชื่อคงค้าง 1,458,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.40 มีสินทรัพย์รวม 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.04 เงินฝากรวม 1,27 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.74
ส่วนปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 58,381 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากปี 63 มี NPL ร้อยละ 3.75 ของสินเชื่อรวม นับเป็นระดับบริหารจัดการได้ เพราะได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญสูงถึง 111,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.93 หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL ร้อยละ 191.55 โดย ธอส. ยังคงมีกำไรสุทธิ 12,351 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเล็กน้อย อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) แข็งแกร่งร้อยละ 15.30 สูงกว่า ธปท. กำหนดร้อยละ 8.5 หลังจากลูกค้าได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ตั้งแต่ปี 63-64 มีลูกค้าได้รับความช่วยเหลือผ่าน 22 มาตรการ สูงถึง 973,227 บัญชี วงเงินสินเชื่อ 847,218 ล้านบาท ส่วนใหญ่ร้อยละ 87 กลับมาผ่อนชำระได้ตามปกติ
ธอส. ยังต้องติดตามดูแลลูกค้า ที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือ แต่ไม่จ่ายชำระเงิน 11,000 ล้านบาท และมีลูกค้า ไม่เข้าร่วมโครงการ และยังไม่ชำระเงินงวด รวมยอดหนี้ค้างประมาณ 20,000 ล้าบาท หากติดตามตัวได้จะเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ แต่หากติดต่ไปได้คงต้องใช้แนวทางตามกฎหมาย ล่าสุด 31 มกราคม 65 มีลูกค้าอยู่ในมาตรการความช่วยเหลือ ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้า 3 มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนของ ธปท. เพื่อขยายการให้ความช่วยเหลือ ถึง 30 มิถุนายน 2565 จำนวน 81,192 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 84,137 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย