กรุงเทพฯ 18 ม.ค.- “ลุมพินี วิสดอม” ปรับลดคาดการณ์โครงการอสังหาฯ ใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปีนี้เหลือโต 5-20% เหตุโอไมครอน-หนี้ครัวเรือน กดดัน ในขณะที่ปี 2564 ปรับตัวลดลง 20% ผู้ประกอบการอสังหาฯ ชะลอแผนการเปิดตัวโครงการใหม่
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (ลุมพินี วิสดอม) บริษัทในเครือบริษัท แอล.พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทปรับลดคาดตลาดอสังหาฯ ปี 65 จากเดิมมีแนวโน้มเติบโต 15-20% มาอยู่ที่อัตราการเติบโต 5-20% เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” ทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะการค้าการลงทุน และห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่เป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในประเทศ นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงแตะระดับ 90% ของ GDP และความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องปรับตัว และวางกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ซื้อที่จะได้ซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่เหมาะสม
โดยแบ่งการพิจารณา 3 กรณีหลัก ได้แก่
– Base Case เป็นกรณีที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2565 ภาคการส่งออกเติบโตได้ 5-8% นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน เศรษฐกิจโลกเติบโตที่อัตรา 3.6% และเศรษฐกิจไทยเติบโตที่ 3.6-4% ตลาดอสังหาฯ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตรา 10-20% โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 78,000-84,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 292,000-318,000 ล้านบาท
-Worse Case เป็นกรณีที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ในครึ่งแรกของปี 2565 เศรษฐกิจไทยโตในอัตราที่ต่ำกว่า 3% ภาคการส่งออกเติบโตต่ำกว่า 5% นักท่องเที่ยวน้อยกว่า 5 ล้านคน และเศรษฐกิจโลกเติบโตน้อยกว่า 3.6% ตลาดอสังหาฯ จะมีอัตาการเติบโต 5-10% คาดว่าผู้ประกอบการจะชะลอแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งแรกของปีมาอยู่ในครึ่งหลังของปี ทำให้จำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่อยู่ที่ 66,000-78,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 278,000-292,000 ล้านบาท
-Worst Case กรณีที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 เศรษฐกิจไทยโตน้อยกว่า 2% ซึ่งจะทำให้ภาคอสังหาฯ มีอัตรการเติบโตอยู่ที่ 3-5% โดยคาดว่าจะมีจำนวนโครงการเปิดตัวใหม่ 60,000-66,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 273,000-278,000 ล้านบาท
ส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปี 2564 พบว่า มีทั้งสิ้น 55,863 หน่วย ลดลง 20% มูลค่า 265,558 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปี 2563 เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับจากปี 2562 ผลจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว .-สำนักข่าวไทย