กรุงเทพฯ 20 ธ.ค. -อธิบดีกรมชลประทานยืนยันว่า เขื่อนในพื้นที่ภาคเหนือยังมั่นคงแข็งแรงดี หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ลาว 5.8 ส่งผลให้หลายจังหวัดรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศลาว ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบ้านน้ำช้าง ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ประมาณ 20 กิโลเมตรที่เกิดขึ้นเวลา 04.06 น. วันนี้ (20 ธ.ค.) ซึ่งวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.8 ที่ความลึก 10 กิโลเมตร ทางสำนักสำรวจด้านวิศวกรรมและธรณีวิทยา กรมชลประทานเข้าไปตรวจสอบค่าอัตราเร่งสูงสุดที่มีผลกระทบต่อเขื่อนแล้ว พบว่า ค่าอัตราเร่งสูงสุดที่เกิดขึ้น มีค่าเพียง 0.002866 g ซึ่งค่าอัตราเร่งสูงสุดที่กรมชลประทานได้ออกแบบไว้ สามารถรองรับแผ่นดินไหว มีค่าไม่น้อยกว่า 0.2 g ดังนั้นค่าอัตราในครั้งนี้จึงเป็นค่าที่น้อยมากและไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทานในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่
– จังหวัดน่าน อ่างเก็บน้ำน้ำพง อ่างเก็บน้ำห้วยแฮต อ่างเก็บน้ำน้ำแหง และอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำฮิ
– จังหวัดพะเยา อ่างเก็บน้ำห้วยแม่งอน อ่างเก็บน้ำแม่ใจ อ่างเก็บน้ำแม่ปืม และอ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำ
– จังหวัดเชียงราย อ่างเก็บน้ำแม่สรวย อ่างเก็บน้ำห้วยช้าง และอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก
– จังหวัดแพร่ อ่างเก็บน้ำแม่สอง
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ออกแบบเขื่อนทุกแห่ง ให้สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวไว้ด้วยค่าที่สูงสุดของความเสี่ยงในพื้นที่ประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการตรวจสอบและติดตามข้อมูลทางสถิติของค่าความเร่งสูงสุดที่เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่ตลอดเวลา เพื่อนำมาประเมินเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น รวมทั้งแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเขื่อน เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อนมั่นใจในความปลอดภัยแข็งแรงของเขื่อนตลอดเวลา.-สำนักข่าวไทย