กรุงเทพฯ 6 เม.ย.-อธิบดีกรมชลประทาน เผยระดมสรรพกำลังเร่งระบายน้ำที่ท่วมบางพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี เนื่องจากฝนตกหนัก โดยวัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดกว่า 200 มม. พร้อมกำชับเฝ้าระวังต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ฝนที่ตกเพิ่มและตกหนักบางแห่งในภาคใต้ทำให้เกิดอุทกภัยบางพื้นที่ โดยเช้านี้ (6 เม.ย.) ได้รับรายงานปริมาณฝนสูงสุดในอ. เมือง จ.นครศรีธรรมราช ถึง 231.5 มม. ทำให้ใน ต.ไชยมนตรี มะม่วงสองต้น และในเมืองมีน้ำท่วมสูงประมาณ 10-20 ซม. ส่วนใน อ. ชะอวด เขต ต.เคร็งและชะอวด น้ำล้นลำคลองน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนสูงประมาณ 20-30 ชม. ที่ อ.สิชล น้ำล้นตลิ่งจากคลองท่าควายท่วมพื้นที่ ม.2 ต.ทุ่งปรัง ส่วนคลองท่าเรือมีน้ำล้นเข้าท่วมในพื้นที่ม.7 และม.10 ต.สิชล ตลอดจนท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ ถนน พื้นที่เกษตรและบ้านเรือนของประชาชน รวมถึงบริเวณบ้านท่าควาย ต.เขาน้อย สี่ขีด และทุ่งใส รวมมีพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน 390 ครัวเรือน
สำหรับ อ.ขนอม มีปริมาณน้ำในคลองบางคูลันตลิ่งท่วมในพื้นที่ม.3 ต.ขนอม ควนทองมีพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน 70 ครัวเรือน ที่อ.ปากพนัง ต.เกาะทวด น้ำท่วมสูงประมาณ 15-20 ซม. ต.หูล่อง น้ำท่วมสูง 10-15 ซม. ส่วนอ.พรหมคีรี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่หมู่ที่ 2 3 และ 6 ต. อินคีรี มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 15 ครัวเรือน ที่ อ.ท่าศาลา มีน้ำท่วมขังในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.ดอนตะโก อำเภอท่าศาลา รวมพื้นที่ประมาณ 200 ไร่
ส่วน อ.พระพรหม ต.นาสาร มีน้ำท่วมสูงประมาณ 10-20 ซม. อ.เชียรใหญ่ ต.บ้านเนิน น้ำท่วมสูงประมาณ 10-15 ซม. นอกจากนี้ที่ อ.ร่อนพิบูลย์ มีน้ำท่วมขังบริเวณแยกสามร้อยกล้า สูงประมาณ 10-15 ซม.
ปัจจุบันยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ อ.ชะอวด คาดการณ์ว่า หากไม่มีฝนตกเพิ่มประกอบกับน้ำทะเลไม่หนุนสูงมาก จะทำให้น้ำที่ท่วมขังบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำลดลงและจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายใน 1-2 สัปดาห์ ที่อ.สิชล ท่าศาลา และขนอม แนวโน้มระดับน้ำทรงตัว ส่วน อ.เมือง ลุ่มน้ำคลองท่าดี บริเวณต.ไชยมนตรี ต.มะม่วงสองต้นและในเมือง ลุ่มน้ำคลองเสาธง บริเวณ อ.พระพรหม แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น สำหรับ อ.ปากพนัง ต.เกาะทวดและหูล่อง แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ อ.เชียรใหญ่ ที่แนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ที่ อ.พรหมคีรี แนวโน้มลดลง เนื่องจากฝนที่ตกทางต้นน้ำเริ่มลดลงแล้ว
อธิบดีกรมชลประทานกล่าวต่อว่า สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่เร่งระบายน้ำที่ท่วมขังออก โดยที่อ. เมือง ได้ยกบานพ้นน้ำของประตูระบายน้ำคลองคูพาย คลองป่าเหล้า และคลองนครน้อยเพื่อพร่องน้ำรอรับปริมาณน้ำที่จะไหลมาเติมในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชและเร่งระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบน้ำท่วมขังที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ส่วนพื้นที่ อ.ชะอวดและปากพนัง เร่งระบายน้ำส่วนเกินเกณฑ์การเก็บกักออกทางประตูระบายน้ำคลองชะอวด-แพรกเมืองและอุทกวิภาชประสิทธิตามจังหวะการขึ้นลงของน้ำทะเลลงสู่ทะเลอ่าวไทย เพื่อลดผลกระทบน้ำท่วมขัง
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำใน จ.สุราษฎร์ธานีว่า ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดปริมาณน้ำฝนสะสม สูงสุดถึง 233.5 มม. ขณะนี้มีอุทกภัยใน 2 อำเภอ โดยท่วมที่เกษตรกรรมและบ้านเรือนของราษฎรในอ.ดอนสัก ม. 1-16 ต.ปากแพรก ม.1 ต.ไชยคราม ม.1 2 4 9 12 และ16 ต.ดอนสัก ม.4-6 ต.ชลคราม อีกอำเภอหนึ่งคือ อ.กาญจนดิษฐ์ ม.1-8 12 และ 13 ต.ท่าอุแท
ปัจจุบัน ฝนหยุดตกแล้วทำให้พื้นที่ตอนบนบริเวณ ต.ปากแพรก ระดับน้ำที่ท่วมขังเริ่มลดลง ปริมาณน้ำผ่านฝายคลองท่าทองลดลงต่อเนื่อง พื้นที่ตอนล่างฝายคลองท่าทอง เช่น ต.ท่าอุแท ท่าทอง ชลครามและไชยคราม ระดับเพิ่มขึ้น จึงสั่งการให้เร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังย้ำให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใน 8 จังหวัดได้แก่ บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสอย่างต่อเนื่องเพราะกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า จะมีฝนตกจนถึงวันที่ 8 เม.ย. จึงแจ้งเตือนราษฎรที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำให้เฝ้าระวัง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามความห่วงใยของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเต็มกำลัง.-สำนักข่าวไทย