นนทบุรี 29 พ.ย.-พาณิชย์จับมือเกษตรและ 3 สมาคมรัฐ-เอกชน จัดทำโครงการลดราคาเคมีเกษตรที่เกี่ยวกับสารกำจัดวัชพืช แมลง โรคพืช รวม 74 รายการ ปริมาณรวม 235,268 ลิตร,กิโลกรัม เพื่อช่วยเกษตรกร ย้ำบรรเทาภาระต้นทุนการผลิตของเกษตรกรได้ไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังประชุมร่วมภาครัฐ เอกชน โดยจากสถานการณ์ราคายาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืชปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสารเคมีเกษตรเหล่านี้เป็นสินค้าที่ต้องนำเข้า 100% เมื่อประเทศผู้ผลิตรายใหญ่โดยเฉพาะจีนปรับลดกำลังการผลิต รวมทั้งต้นทุนค่าวัตถุดิบและค่าขนส่งปรับเพิ่มขึ้น ราคาจึงขึ้นตามไปด้วย โดยกรมการค้าภายในประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เร่งแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกร
ทั้งนี้ กรมการค้าภายใน จึงได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมอารักขาพืชไทย และสมาคมนวัตกรรมการค้าเพื่อการเกษตรไทย จัดทำโครงการลดราคาเคมีเกษตร ช่วยเกษตรกร โดยผู้ผลิตและนำเข้ายาป้องกันฯ จำนวน 22 ราย นำสารกำจัดวัชพืช แมลง โรคพืช รวม 74 รายการ ปริมาณรวม 235,268 ลิตร,กิโลกรัม มาจำหน่ายให้แก่เกษตรกรผ่านสหกรณ์และสถาบันเกษตรกรในราคาถูกกว่าท้องตลาด ส่วนลดสูงสุดประเภทสารกำจัดโรคพืช (สาร Validamycin) ลดสูงสุด 35% ประเภทสารกำจัดแมลง (สาร Thiamethoxam) ลดสูงสุด 26% และประเภทสารกำจัดวัชพืช (สาร Triafamone) ลดสูงสุด 22% โดยมีสารเคมีเกษตรที่ใช้มาก เช่น สารไกลโฟเซต จากราคาทั่วไป 800 บาท ราคาโครงการ 600-650 บาท สารกลูโฟซิเนต จากราคาทั่วไป 990 บาท ราคาโครงการ 970 บาท และสารทูโฟ-ดี จากราคาทั่วไป 190 บาท ราคาโครงการ 165 บาท เป็นต้น จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถช่วยบรรเทาภาระต้นทุนการผลิตของเกษตรกรได้ไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1-6 สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอ และสหกรณ์จังหวัด หรือตรวจสอบรายละเอียดได้ที่ www.dit.go.th
นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษให้แก่เกษตรกร ผ่านโครงการบัตรเกษตรสุขใจ โดยมีวงเงินบัตรสูงสุด 50,000 บาท ไม่คิดดอกเบี้ยในเดือนแรก เพื่อนำไปซื้อปัจจัยการผลิตของเกษตรกร
“กรมการค้าภายในกำกับดูแลด้านราคา โดยผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้นำเข้า จะต้องแจ้งต้นทุน (ยี่ห้อ สารสำคัญ ต้นทุนผลิต ค่าใช้จ่าย) ราคาจำหน่ายยาป้องกันฯ สำหรับผู้นำเข้าจะต้องแจ้งการนำเข้า (ปริมาณ ราคา ยี่ห้อ สารสำคัญ) ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่นำเข้า ตามประกาศ กกร. ซึ่งกรมการค้าภายในจะมีการติดตามราคาจำหน่ายอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย จะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท สามารถแจ้งหรือร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด” นายวัฒนศักย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย