ตลาดที่อยู่อาศัยหลังปลดล็อกมาตรการ LTV เริ่มดีขึ้น

กรุงเทพฯ 17 พ.ย.-ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 3 ถึงจุดต่ำสุดแล้ว หลัง ธปท. คลายล็อก LTV และมาตรการลดค่าโอน ครบกำหนดสิ้นปี มีแนวโน้มดีขึ้นไตรมาส 4 ขณะที่ยอดรวมทั้งปี 64 ยังหดตัว ยอมรับภาคอสังหาฯ จะฟื้นตัวเป็นปกติปลายปี 66 


ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 64 ตลาดที่อยู่อาศัยถึงจุดต่ำสุดแล้ว พบว่า การสร้างที่อยู่อาศัยใหม่  ลดลงอย่างมากในไตรมาส 3 ปี  หน่วยได้รับใบอนุญาตจัดสรรทั่วประเทศ มีเพียง 16,804 ลดลงร้อยละ  -28.2   และ ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนในกรุงเทพฯและปริมณฑล   14,601 หน่วย ลดลงร้อยละ -55.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน 

หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  ผ่อนคลายมาตรการ LTV ชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เพื่อกระตุ้นแรงซื้อภาคอสังหาฯ  หลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยืดเยื้อมาถึงเกือบ 2 ปี   เมื่อรัฐบาลได้มีนโยบายในการเปิดประเทศโดยคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์  เพราะไม่ต้องใช้เงินดาวน์ สามารถกู้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์  ขณะที่การปฏิเสธสินเชื่อร้อยละ 20-30 สำหรับบ้านราคาเกิน 3 ล้านบาท นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี 


ศูนย์ข้อมูลฯจึงคาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4 ปี มีแนวโน้มดีขึ้น เห็นจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล  20,050 หน่วย หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.4  เทียบกับ ปี 63 และในไตรมาส 4  คาดมีการโอนกรรมสิทธิ์   95,221 หน่วย มูลค่า 262,931 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2   และคาดการณ์ทั้งปี 2564   ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ มีทั้งสิ้น 43,051 หน่วย  จำนวนเหลือขาย   278,236 หน่วย  มูลค่า  1.19 ล้านล้านบาท โดยธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเตรียมรับมือยอด NPL มุ่งเจรจาประนอมหนี้ 

แม้จะมีการเปิดขายโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยกลยุทธ์การกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้ประกอบการผนวกกับการผ่อนคลายมาตรการ LTV และการปรับตัวลดลงของอุปทานที่อยู่อาศัยเข้าใหม่ดังกล่าวมาข้างต้นได้ส่งผลต่อภาพรวมหน่วยเหลือขายใน 27 จังหวัดลดลงตามไปด้วย  จึงคาดการณ์ ปี 2564  มีหน่วยเหลือขาย  264,412 หน่วย มูลค่ารวม 1.1 ล้านล้านบาท  ส่วนการแจกโปรโมชั่น ลดแลก แจกแถม อาจน้อยลงในปีนี้ เเพราะต้นทุนเอกชนยังสูง และช่วงนี้เป็นโอกาสของผู้ซื้อในการจัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย 

สำหรับแนวโน้มปี 2565  จากนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ  การกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19   จะทำให้ความต้องการบ้านเพิ่มขึ้นได้   นโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล และมาตรการต่างๆที่นำมากระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้กำลังซื้อภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะปกติเร็วขึ้น  ศูนย์ข้อมูลฯ มองว่าเครื่องชี้ทั้งด้านอุปสงค์ และอุปทานของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาเป็นปกติภายในปลายปี 2566.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]