นราธิวาส 15 ต.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนหวังเดินหน้าเร่งฟื้นฟู 3 จังหวัดชายแดนใต้ เน้นสนับสนุนส่งออกคู่กับท่องเที่ยว เตรียมพร้อมรับเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ เชื่อโอกาสการค้าชายแดนไทย-มาเลเซียเติบโตได้ เร่งให้ทุกฝ่ายประสานกับมาเลเซียเตรียมพร้อมเปิดด่านการค้าด้วย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมด้วยคณะกล่าวภายหลังลงพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ว่า เพื่อจะเร่งฟื้นฟู 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ผ่านด้านเกษตรกรรม การค้าชายแดน รวมถึงอุตสาหกรรมในบางพื้นที่ ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว ดังนั้น เชื่อมั่นว่ายังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ในอนาคต เมื่อสถานการณ์ต่างๆเข้าสู่สภาวะที่เป็นปกติขึ้นในเรื่องโควิด
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะมีการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนในพื้นที่เพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์เชิงรุก โดยเฉพาะผลไม้จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อกำหนดแนวทางล่วงหน้า 1 ปี ให้ทุกฝ่ายรับทราบว่าให้ความสำคัญกับจังหวัดชายแดนใต้ เพราะมองว่าผลไม้ถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ และการค้าชายแดนจะมาแก้ไขปัญหาด่านที่โกลก โดยจะดูว่าติดขัดอุปสรรคอย่างไรบ้าง จะเปิดด่านเพิ่ม เช่น ที่ด่านบูเก๊ะตา ด่านตากใบ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานกับทางการมาเลเซีย ทั้งที่เป็นทางการ เช่น ทำหนังสือไปถึงมาเลเซียโดยให้ทูตพาณิชย์ไทยประสานงาน และเชื่อว่าอีกไม่นานจะมีความคืบหน้าและคิดว่าจะเป็นข่าวดีค้าขายกับมาเลเซียได้ดังเดิม ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องเตรียมการสำหรับการเปิดประเทศที่จะมีน้กท่องเที่ยวเข้าไทยได้ไปพร้อมกับการค้าขายจะคล่องตัวขึ้น
ขณะนี้สถานการณ์โควิดค่อยๆคลี่คลายขึ้น จึงมีความเห็นว่าควรจะได้เปิดด่าน 2 ด่านนี้อีกครั้ง เพื่อให้การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียเดินหน้าคล่องตัวขึ้นแล้วจะเป็นช่องทางการค้าระหว่างกัน และคาดว่าจะเปิดด่านได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากทางฝั่งมาเลเซียด้วย ดังนั้น การประชุมวันนี้ได้มอบหมายให้ จังหวัดนราธิวาสเตรียมความพร้อมในส่วนของฝั่งไทยและให้ทูตพาณิชย์ไทยประจำมาเลเซียประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อเตรียมการเปิดด่านและกำหนดวันเวลาที่สอดคล้อง ส่วนขั้นตอนเอกสารนั้นกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้ประสานงานทั้งหมด
นอกจากนี้ ปัญหาการอำนวยความสะดวกการส่งสินค้าผ่านแดน ของด่านสุไหงโก-ลก ซึ่งมีความเข้าใจคาดเคลื่อนในเรื่องของผลไม้โดยเฉพาะทุเรียน ที่จะส่งออกไปยังมาเลเซีย ภาคเอกชนเข้าใจว่าจะต้องมีเอกสาร GAP ถึงจะส่งไปได้ ข้อเท็จจริงได้รับคำยืนยันจากอธิบดีกรมวิชาการเกษตรว่าไม่จำเป็นต้องมีเอกสาร GAP ขอประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายรับทราบและนายด่านสุไหงโก-ลกเข้าใจแล้ว จะไม่มีการเรียกเอกสารนี้ การอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการรายย่อยขายสินค้าให้กับชาวมาเลเซียผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งอาจมีปริมาณแต่ละสัญญาซื้อขายไม่มากนัก แต่ติดปัญหาอุปสรรคในเรื่องของการส่งสินค้าทีละน้อยข้ามแดนไปยังผู้ซื้อจากมาเลเซีย มอบหมายให้นายด่านโก-ลก บริษัทชิปปิ้ง และภาคเอกชนผู้ประกอบการรายย่อยประชุมหารือกันหาช่องทางที่เป็นทางออกในการอำนวยความสะดวกให้ต่อไป
ทั้งนี้ ภาคเอกชนขอให้ไปรษณีย์ไทยช่วยลดค่าบริการส่งสินค้าบางกลุ่มซึ่งปัจจุบันไปรษณีย์ลดค่าบริการโลจิสติกส์ผ่านไปรษณีย์ไทยให้รายการต่างๆเยอะแล้ว เช่นผลไม้สด ผลไม้แปรรูป สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ลดราคาค่าส่งไปรษณีย์ให้เป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว แต่หากมีสินค้าใดเพิ่มเติมและมีปริมาณตามสมควรให้รวบรวมและเจรจากับไปรษณีย์ที่อยู่ใกล้ที่สุดต่อไปได้ ไปรษณีย์จะใช้ดุลพินิจในการช่วยอำนวยความสะดวกต่อไปถือเป็นนโยบาย โดยเป็นกรณีไปอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย