ททท. จับมือ หอการค้าไทย ผลักดันโครงการ “ฮักไทย (HUG THAIS)” รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน

กรุงเทพฯ 21 มิ.ย.-ททท. จับมือ หอการค้าไทย ผลักดันโครงการ “ฮักไทย (HUG THAIS)” รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน ส่งเสริมการกิน-เที่ยว-ใช้ของไทย พลิกฟื้นเศรษฐกิจช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs


นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการ “ฮักไทย (HUG THAIS)”รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน ระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) โดย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.และหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธาน กรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อสนับสนุนการเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศ กระตุ้นการใช้จ่ายทั้งของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านแนวคิด “ฮักกิน ฮักเที่ยว ฮักใช้” จะเริ่มจากโครงการต้นแบบ“ฮักไทย ฮักภูเก็ต” (HUG THAIS HUG PHUKET) ในเดือนกรกฎาคมนี้คาดสร้างรายได้หลักแสนล้าน

นายพิพัฒน์กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่ทยอยปิดกิจการลง มีผู้ตกงานและรายได้ลดลงกว่าร้อยละ 80-90 กระทรวงฯ จึงได้กำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาและช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน อาทิมาตรการเยียวยา แนวทางจัดสรรวัคซีนให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติตามนโยบายการเปิดประเทศ (Phuket Sandbox) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ซึ่งอนุญาตให้นักท่องเที่ยวได้รับวัคซีนครบแล้วสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ต้องพำนักในที่พักหรือโรงแรมที่ได้รับรองเครื่องหมายSHA+ (SHA Plus) หรือสัญลักษณ์มาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดย ททท. และ สธ. เพื่อยืนยันมาตรการด้านความปลอดภัย


สำหรับโครงการ HUG THAIS เป็นความร่วมมือระหว่าง ททท. และ หอการค้าไทยฯ ผนึกกำลังกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการไทย ภายใต้แนวคิด “ฮักกิน ฮักเที่ยว ฮักใช้” ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการยกระดับสินค้าและบริการ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงจัดกิจกรรมและประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวซึ่งจะเริ่มดำเนินการที่จังหวัดภูเก็ตเป็นที่แรกในชื่อ HUG THAIS HUG PHUKET เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการ Phuket Sandbox ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย ให้สามารถต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ จึงร่วมมือกับ หอการค้าไทยฯดำเนินโครงการ“ฮักไทย (HUG THAIS)” รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน ส่งเสริมการช่วยเหลือกันของคนไทย กระตุ้นการใช้จ่ายจากการกิน-เที่ยว-ใช้ผลิตภัณฑ์ของไทย วัตถุดิบไทย ผู้ประกอบการไทย มีการจ้างงานคนไทย ผ่านความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ภายใต้แนวคิด “ฮักกิน ฮักเที่ยว ฮักใช้” ประกอบด้วย Eat More ฮักกิน ชูอัตลักษณ์ของอาหารถิ่น กระตุ้นการท่องเที่ยวรูปแบบ Gastronomy Tourism Travel More ฮักเที่ยวกระตุ้นการท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ด้วยรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย เปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ แตกต่างอย่างน่าประทับใจ และ Shop More ฮักใช้สนับสนุนอุดหนุนสินค้าท้องถิ่น ส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าของคนไทยในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ที่มีตราสัญลักษณ์ HUG THAIS รวมถึงมอบโปรโมชันพิเศษ โดย ททท. จะสนับสนุนด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ วางแผนจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับแบรนด์ Amazing Thailand เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการใช้จ่ายทั้งของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงให้คำแนะนำการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวแก่ผู้ประกอบการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยฯ ในฐานะสถาบันหลักทางการค้าและบริการของประเทศ ดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประกอบอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ Connect the Dots และโอกาสนี้ ได้ร่วมกับ ททท. ดำเนินโครงการ“ฮักไทย (HUG THAIS)” รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน ปลุกกระแสและพลังแห่งการช่วยเหลือ อุดหนุนสินค้าของคนไทยด้วยกัน สร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศโดยจะประสานงานกับสมาชิกผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า สายการบิน บริษัทขนส่ง เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการเข้าร่วมกิจกรรม อีกทั้งสนับสนุนสถานที่จัดแสดงจัดจำหน่ายสินค้า และจัดกิจกรรมทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างบรรยากาศเชิงบวกสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีช่องทาง การจำหน่ายสินค้าและบริการในรูปแบบที่หลากหลายทั้งช่องทางออฟไลน์ ออนไลน์ และออมนิชาแนล รวมถึงช่องทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและเอกชน


ทั้งนี้ จะเริ่มนำร่องโครงการ “ฮักไทย ฮักภูเก็ต(HUG THAIS HUG PHUKET)” จ.ภูเก็ต ในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการเปิดประเทศ โดยมุ่งเน้นกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ผ่านกิจกรรมแคมเปญ Phuket’sReopening มอบส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท จากภาคค้าปลีกในภูเก็ตและมอบคูปองเงินสด 100 บาท สำหรับเป็นส่วนลดซื้อสินค้าและบริการของร้านค้ารายย่อย จ.ภูเก็ต ในครั้งถัดไป คาดว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยหลักแสนล้านบาท ภายใน 6 เดือน

ทั้งช่วยเพิ่มโอกาสสร้างงานและจ้างแรงงาน ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์พลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการของประเทศไทยกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น จุดหมายปลายทางแห่งความสุขเพื่อคืนรอยยิ้มกลับสู่คนไทยอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้