กรุงเทพฯ 17 มิ.ย. – หุ้น SMD เปิดเทรดวันแรกที่ 10.20 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท (+41.67%) จากราคาขาย IPO ที่ 7.20 บาท/หุ้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ mai ยินดีต้อนรับ บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขาย (เทรด) เป็นวันแรกในวันที่ 17 มิ.ย. 2564 ภายใต้กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค โดยขอให้ดำเนินกิจการภายใต้หลักธรรมาภิบาล เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้บริษัทSMDประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ครอบคลุมสินค้าด้านเวชบำบัดวิกฤต (Critical Care) สินค้าด้านการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ(Respiration) สินค้าด้านหทัยวิทยา (Cardiology) และเครื่องมือแพทย์อื่นๆ โดยบริษัทนำเข้าจากผู้ผลิตชั้นนำในต่างประเทศอาทิ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ และจีน เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทให้บริการซ่อมบำรุง บริการให้เช่าเครื่องมือแพทย์
โดยในเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา บริษัทร่วมกับศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลให้บริการตรวจการนอนหลับ ซึ่งเป็นการให้บริการตามสัญญาความร่วมมือฯ โดยในปี 2563 บริษัทมีสัดส่วนลูกค้า ได้แก่ โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยและสถาบันการแพทย์ของรัฐบาล 71% นิติบุคคลและบุคคลทั่วไป โรงพยาบาลเอกชน คลินิกและตัวแทนจำหน่าย 29%
นายวิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMD กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี การที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแรง เนื่องจากธุรกิจมีความน่าสนใจ เพราะ SMD มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์มานานกว่า 20 ปี และมุ่งมั่นเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ การลงทุนในเครื่องมือแพทย์ให้เช่า การชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และการใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
อย่างไรก็ดียอมรับว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ส่งผลกระทบกับบริษัททั้งในเชิงบวกและลบ โดยในเชิงบวกคือมีคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิตมากขึ้น ขณะที่เชิงลบ คือ การผลิตสินค้าบางรายการอาจจะล่าช้าไปบ้าง
สำหรับภาพรวมปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 77.75 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.64% เมื่อเทียบกับปี 2562 ขณะที่ภาพรวมไตรมาส 1/2564 มีกำไรสุทธิ 8.02 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 464.55% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2563
นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าจะเติบโตเฉลี่ยที่ 15% ต่อปี เนื่องจากการขยายศูนย์ตรวจการนอนหลับและการลงทุนในเครื่องมือแพทย์ให้เช่า เบื้องต้นในปี 2564 ประเมินรายได้จากการขายและบริการไว้ 747 ล้านบาท เติบโต 13% และมีกำไรสุทธิ 88.8 ล้านบาท เติบโต 13.95% เมื่อเทียบกับปี 2563 สอดคล้องกับแรงหนุนจากการรับรู้รายได้ศูนย์ตรวจการนอนหลับที่ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลเต็มปี จำนวน 4 เตียง ประกอบกับ การขยายตลาดเครื่องมือแพทย์ให้เช่าหลังได้รับเงินจากการระดุมทุน . – สำนักข่าวไทย