กรุงเทพฯ 2 มิ.ย. – “รมช.ประภัตร” เผยสั่งการกรมปศุสัตว์กระจายวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกินในโค-กระบือทั้ง 40 จังหวัดที่พบการระบาดในวันนี้ ส่วนวัคซีนที่นำเข้าเพิ่มอีก 3 แสนโดสจะถึงไทยในสัปดาห์หน้า คุมเข้มการเคลื่อนย้ายสัตว์ ให้สัตวแพทย์เร่งรักษาสัตว์ป่วยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคลัมปี สกิน (Lumpy Skin Disease)ในโค-กระบือซึ่งมีอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นประธานอนุมัติแผนการกระจายวัคซีน 60,000 โดสที่นำเข้าเป็นล็อตแรกแล้ว โดยวันนี้ (2 มิ.ย.) ส่งไปทั้ง 40 จังหวัดที่พบการระบาด ทั้งนี้กำหนดแผนปฏิบัติการฉีดวัคซีนในอำเภอที่อยู่ในรัศมี 50 กิโลเมตรจากพื้นที่เกิดโรค เพื่อควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด ส่วนวัคซีนล็อตที่ 2 จะมาถึงในสัปดาห์หน้า รวมทั้งมอบหมายให้กรมปศุสัตว์พิจารณาเปิดให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนเพื่อได้ แต่ต้องเป็นวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนกับอย. และการดำเนินการฉีดวัคซีนต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมปศุสัตว์เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็น รวมทั้งต้องมีการทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ที่ฉีดวัคซีนทุกตัว
นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ในอำเภอที่อยู่ในรัศมี 50 กิโลเมตรจากพื้นที่เกิดโรคซึ่งจะฉีดวัคซีนให้โค-กระบือ ยังคงต้องมีมาตรการห้ามเคลื่อนย้ายโค-กระบือที่ฉีดวัคซีนออกจากคอกเลี้ยงเป็นระยะเวลา 30 วัน เนื่องจากโรคนี้มีระยะฟักตัว 28 วัน ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังโรคคือ รัศมี 100 กิโลเมตรจะยังไม่ฉีดวัคซีน แต่จะเฝ้าระวังการระบาดอย่างใกล้ชิด ขณะนี้กรมปศุสัตว์ส่งหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ หน่วยพ่นยาทำลายเชื้อโรค แจกและพ่นสารเคมีกำจัดแมลงที่เป็นพาหะ แจกยารักษาแผลภายนอก ยาบำรุง แร่ธาตุ ตลอดจนให้ความรู้แก่เกษตรกรในเรื่องการป้องกัน
รองอธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวต่อว่า โรคลัมปี สกิน เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสจะเกิดเฉพาะในโค-กระบือ ไม่ติดต่อจากสัตว์สู่คน รักษาหายได้ คิดเป็นอัตราป่วยเฉลี่ย 27% ของสัตว์ที่ติดเชื้อ ส่วนอัตราตายเฉลี่ย 0.19% โดยส่วนใหญ่เกิดในโค-กระบือที่ยังเล็กและที่ไม่แข็งแรง เมื่อหายป่วยแล้ว สามารถบริโภคเนื้อโค-กระบือนั้นได้ตามปกติ
หากเกษตรกรพบโค-กระบือมีตุ่มเนื้อบนผิวหนัง เกิดเยื่อเมือกทั่วร่างกาย อาจมีไข้และหายใจลำบากร่วมด้วย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด หรือปศุสัตว์อำเภอในท้องที่ หรือโทรศัพท์สายด่วน 06-3225-6888 หรือทางแอพพลิเคชั่น DLD4.0 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลืออย่างทันท่วงที. – สำนักข่าวไทย