กรุงเทพฯ 12 มี.ค.-กรมวิชาการเกษตรจับมือภาคเอกชนร่วมจัดงานประกวดสุดยอดกาแฟไทยปี 2564 ค้นหาทั้งเมล็ดกาแฟอะราบิกาและโรบัสตาคุณภาพดี ชูจุดเด่นกาแฟไทย หวังช่วยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ผู้สนใจส่งเมล็ดกาแฟเข้าประกวดสมัครได้ถึงวันที่ 31 มี.ค. นี้
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า สถานการณ์วิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการดำรงชีวิตและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านกาแฟที่ชะลอการรับซื้อผลผลิตกาแฟของเกษตรกร ทำให้ผลผลิตกาแฟคงค้างอยู่ที่เกษตรกรและผู้ประกอบการกว่า 2,000 ตัน และในช่วงเดือนมีนาคม 2564 นี้ ผลผลิตกาแฟฤดูกาล 2563/2564 จะเข้ามาเพิ่มอีกกว่า 9,000 ตัน ในขณะที่สถานการณ์ของโควิด-19 ยังแพร่ระบาดอยู่จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนกาแฟและผู้ประกอบการ รวมทั้งประเทศไทยยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่มีการศึกษาเอกลักษณ์รสชาติกาแฟ ซึ่งหากทราบรสชาติและเอกลักษณ์ของกาแฟ จะสามารถนำมาประชาสัมพันธ์เพิ่มโอกาสทางการตลาดและการจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกรได้ กรมวิชาการเกษตรจึงได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สมาคม และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาแฟ จัดกิจกรรมการประกวดสุดยอดกาแฟไทย ประจำปี 2564 (Thai Coffee Excellence 2021) เพื่อส่งเสริม ประชาสัมพันธ์เอกลักษณ์ สร้างมูลค่าเพิ่มและขยายโอกาสช่องทางการตลาดให้กับกาแฟไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังช่วยระบายผลผลิตของเกษตรกรได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
สำหรับการจัดงานปีนี้ถือเป็นปีแรกที่องค์การกาแฟระหว่างประเทศได้จัดสรรงบประมาณจากกองทุนพิเศษจำนวน ประมาณ 1 ล้านบาท ให้แก่ประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อประชาสัมพันธ์กาแฟไทย สร้างการรับรู้ จุดเด่นของกาแฟไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคนักดื่มกาแฟรุ่นใหม่ รวมทั้งความพิเศษของการประกวดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่จะมีการประกวดทั้งกาแฟอะราบิกาและโรบัสตา เนื่องจากที่ผ่านมาเคยมีแต่การประกวดเฉพาะกาแฟอะราบิกาเท่านั้น โดยเมล็ดกาแฟที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นสายพันธุ์อะราบิกาและโรบัสตาที่ปลูกในประเทศไทยและเมล็ดกาแฟจะต้องเป็นผลผลิตของปี 2563/2564 เท่านั้น ซึ่งเกณฑ์การตัดสินจะพิจารณาใน 3 ด้าน ได้แก่ คุณภาพด้านกลิ่น คุณภาพด้านรสชาติ และคุณภาพอื่น ๆ ได้แก่ ข้อบกพร่อง ขนาดและความสมบูรณ์ของเมล็ด
ปัจจุบันกาแฟนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยที่สร้างมูลค่าถึง 33,000 ล้านบาท สร้างรายได้แก่เกษตรกรและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยประเทศไทยมีสภาพพื้นที่ที่สามารถปลูกกาแฟได้ทั้งกาแฟอะราบิกาและโรบัสตา ซึ่งปัจจุบันผลผลิตกาแฟอะราบิกาในภาคเหนือของไทยมีปริมาณ 9.2 พันตัน ส่วนการผลิตกาแฟโรบัสตาของไทย ส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายให้ผู้ประกอบการโรงงานแปรรูป แต่ปัจจุบันมีกระบวนการแปรรูปเพื่อให้ได้กาแฟโรบัสตาที่มีรสชาติโดดเด่นทำให้ผู้บริโภคเริ่มมีความนิยมในการบริโภคกาแฟโรบัสตาเป็นกาแฟสดด้วยเช่นกัน
โดยในปี 2564 นี้กรมวิชาการเกษตรเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดการประกวดสุดยอดกาแฟอะราบิกาและโรบัสตาของประเทศไทย เพื่อค้นหาเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพดี ตั้งแต่ต้นทางการปลูกกาแฟ รวมถึงรสชาติกาแฟ จนได้เป็นเมล็ดกาแฟไทยเกรดพิเศษ และรณรงค์ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟให้ตระหนักถึงความสำคัญของการปลูกกาแฟให้ได้ผลผลิตกาแฟอย่างมีคุณภาพและแสดงถึงอัตลักษณ์กาแฟไทย รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนากาแฟไทยให้มีคุณภาพดีสู่ระดับโลก เพิ่มมูลค่า สร้างรายได้และความยั่งยืนแก่เกษตรกร โดยเริ่มเปิดรับใบสมัครแล้วตั้งแต่วันที่ 1 – 31 มี.ค. นี้ เกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกร/สหกรณ์/วิสาหกิจชุมชนที่สนใจส่งเมล็ดกาแฟเข้าประกวดสามารถสอบถามรายละเอียดการสมัครเพิ่มเติมได้ที่ผู้ประสานงานกองประกวดหมายเลขโทรศัพท์ 06 5497 9635, 08 1387 6135 , 08 1444 8651, 08 7798 1259 และ 09 9178 8953.- สำนักข่าวไทย