กรุงเทพฯ 1 ธ.ค. – ช่วย SMEs เพิ่มสภาพคล่อง !! ครม. อนุมัติ 2 โครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการค้ำประกันสินเชื่อของบสย.
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยคณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises: SMES) ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 9 (โครงการ PGS ระยะที่ 9) วงเงินงบประมาณรวมไม่เกิน 24,000 ล้านบาท และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 4 (โครงการ Micro ‘Entrepreneurs ระยะที่ 4) วงเงินงบประมาณรวมไม่เกิน 5,750 ล้านบาท รวม 2 โครงการ ในงบประมาณ 29,750 ล้านบาท โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เสนอมาตรการ 2 มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs รายละเอียดดังนี้
-โครงการ PGS ระยะที่ 9 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป สร้างความมั่นใจให้แก่สถาบันการเงินในการให้สินเชื่อ รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพที่ต้องการสินเชื่อแต่หลักประกันไม่เพียงพอให้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้ รวมทั้งผู้ประกอบการ SMEs ที่มีปัญหาด้านสภาพคล่องให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ วงเงินค้ำประกันโครงการรวม 150,000 บาท วงเงินค้ำประกันต่อราย ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย (รวมทุกสถาบันการเงิน) ที่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดของหลักเกณฑ์การค้ำประกันสินเชื่อต่อรายและต่อกลุ่มลูกค้า (Single Guarantee Limit : SGL) ของ บสย. การยื่นขอให้ค้ำประกัน ขั้นต่ำครั้งละไม่น้อยกว่า 200,000 บาท โดยมีอัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อในแต่ละปีตามที่ บสย. กำหนด ทั้งนี้ รัฐบาลรับภาระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อแทนผู้ประกอบการ SMEs ปีละไม่เกินร้อยละ 1.75 เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือไม่เกินร้อยละ 3.5 ตลอดอายุการค้ำประกัน
ผลเชิงเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับ มีผู้ประกอบการ SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 42,500 ราย (เฉลี่ย 3.5 ล้านบาทต่อราย) ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 225,000 ล้านบาท (1.5 เท่าของวงเงินค้ำประกันโครงการ) มีสัดส่วนผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นนิติบุคคลที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อไม่ต่ำกว่าร้อยละ 35
-โครงการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 4 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ แผงลอย ผู้ประกอบอาชีพอื่นที่มีสถานประกอบการชัดเจนและประกอบธุรกิจจริง ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนของสถาบันการเงินเป็นการลดต้นทุนการประกอบอาชีพของผู้ประกอบการรายย่อยและช่วยแก้ไขปัญหาการกู้ยืมเงินนอกระบบ มีวงเงินค้ำประกันโครงการรวม 25,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อราย ไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย (รวมทุกสถาบันการเงิน) ทั้งนี้ อยู่ภายใต้ข้อกำหนด SGL ของ บสย. การยื่นคำขอค้ำประกันขั้นต่ำครั้งละไม่น้อยกว่า 10,000 บาท ค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน ไม่เกินร้อยละ 1.5 ต่อปีตลอดอายุการค้ำประกันโครงการ โดยรัฐบาลรับภาระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อแทนผู้ประกอบการรายย่อยปีละไม่เกินร้อยละ 1.5 เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือไม่เกินร้อยละ 3 ตลอดอายุการค้ำประกัน
ผลเชิงเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับ ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ไม่ต่ำกว่า 100,000 ราย (เฉลี่ย 250,000 บาทต่อราย) ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 25,000 ล้านบาท (1 เท่าของวงเงินวงเงินค้ำประกันโครงการ)
ทั้ง 2 โครงการ ระยะเวลารับคำขอค้ำประกัน 2 ปี นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ อายุการค้ำประกัน ไม่เกิน 10 ปี โดย บสย. สามารถกำหนดเงื่อนไขและวงเงินค้ำประกันสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ผู้ประกอบการรายย่อยแต่ละกลุ่ม หรือแต่ละสถาบันการเงิน หรือโครงการย่อยแต่ละโครงการได้ตามความเหมาะสม “ทั้งนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญ เพื่อเสริมสภาพคล่อง สร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรายย่อย และ SMEs ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 หรือมีความเสี่ยงในการชำระหนี้คืน ให้สามารถเข้าสินเชื่อ เพื่อดำเนินธุรกิจต่อไปได้” โฆษกรัฐบาล กล่าว . – สำนักข่าวไทย