ก.คลัง 16 ต.ค. – คลังเผยโครงการคนละครึ่ง ประชาชนให้ความสนใจอย่างล้นหลาม ลงทะเบียนครึ่งวันแรกกว่า 3.8 ล้านคน
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการคนละครึ่งที่เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนวันนี้ (16 ต.ค.) เป็นวันแรก ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ซึ่ง ณ เวลา 13.00 น. มีประชาชนลงทะเบียนแล้ว 3,800,803 คน
สำหรับเงื่อนไขของประชาชนที่สามารถร่วมลงทะเบียนได้จะต้องมีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งได้รับสิทธิจากโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประชาชนที่สนใจยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ต่อเนื่องทุกวันในช่วงเวลา 06.00 – 23.00 น. จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน
ผู้ที่ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วจะเริ่มใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 ระหว่างเวลา 06.00 น. – 23.00 น. โดยต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ หรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก เช่น ได้รับ SMS ระหว่างวันที่ 16 – 23 ตุลาคม 2563 ต้องใช้สิทธิภายในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้น
ส่วนวิธีการใช้จ่ายกับร้านค้า สามารถเติมเงินโดยการโอนเงินไปยังแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องโอนครั้งเดียว 3,000 บาท เช่น หากต้องการจ่ายค่าอาหาร 200 บาท ต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” อย่างน้อย 100 บาท เพื่อสแกนจ่ายเงินกับร้านค้า “ถุงเงิน” โดยรัฐจะช่วยจ่ายให้ร้านค้าอีก 100 บาท หรือหากจะใช้จ่ายค่าสินค้า 400 บาท รัฐจะร่วมจ่ายให้ร้านค้า 150 บาท และต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” เพื่อสแกนจ่ายเงินอีกอย่างน้อย 250 บาท ทั้งนี้ ภาครัฐจะร่วมจ่ายไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ
นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านค้าทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 240,000 ร้านค้า ขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่สนใจโดยเฉพาะหาบเร่ แผงลอย รีบมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือสมัครโดยตรง ณ สาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อเตรียมรองรับการใช้จ่ายของประชาชนที่จะเริ่มการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป.-สำนักข่าวไทย