นนทบุรี 7 ต.ค. – พาณิชย์เปิดแผนขยายตลาดส่งออกนมโคด้วยเอฟทีเอ ปี 3 ขนทัพผู้ประกอบการ ผลิตภัณฑ์นมร่วมออกบูธโชว์ศักยภาพสินค้าหลายตลาดโตดีต่อเนื่อง
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดตัวโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วยเอฟทีเอ” ว่า โครงการนี้ประสบความสำเร็จสามารถขยายการส่งออกสินค้านม UHT นมอัดเม็ด ไอศกรีม และโยเกิร์ต ไปตลาดคู่ค้าเอฟทีเอ โดยเฉพาะจีนและอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ กัมพูชา เมียนมา และเป็นการดำเนินการตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ที่มุ่งเตรียมความพร้อมเกษตรกร สหกรณ์ และผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพื่อให้อุตสาหกรรมโคนมและนมโคแปรรูปของไทยสามารถแข่งขันได้อย่างมีศักยภาพในตลาดโลก และพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์นมโคในภูมิภาค
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ จัดโครงการนี้เป็นปีที่ 3 ซึ่งได้รับความสนใจจากเกษตรกร สหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการนมโคและนมโคแปรรูปสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 81 ราย และผ่านการคัดเลือกจากกรมฯ และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมโครงการ 20 ราย โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้เข้าอบรม Boot Camp เน้นเสริมแกร่งการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี เพื่อเข้าสู่ตลาดประเทศคู่ค้าเอฟทีเอของไทย กฎระเบียบทางการค้ามาตรฐานสินค้าและสถานประกอบการ โลจิสติกส์ การเพิ่มช่องทางจำหน่ายออนไลน์และออฟไลน์ ได้รับคำปรึกษาเชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญ ร่วมสำรวจโอกาสทางการค้า และสร้างเครือข่ายธุรกิจในจีน เชื่อว่าผู้ประกอบการได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์และพัฒนาองค์ความรู้ที่สำคัญต่าง ๆ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การต่อยอดด้วยนวัตกรรม พฤติกรรมผู้บริโภค และการจับคู่ธุรกิจในตลาดสำคัญต่าง ๆ ขณะเดียวกันจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถใช้เอฟทีเอเป็นเครื่องมือในการขยายการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ ซึ่งผลสำเร็จของโครงการจะช่วยขยายตลาดให้กับน้ำนมดิบของไทย และสร้างรายได้ที่ยั่งยืนแก่เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม หากดูตัวเลขช่วง 8 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-ส.ค.) นั้น ไทยส่งออกสินค้านมโคและนมโคแปรรูปไปตลาดโลกถึง 382 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ นมพร้อมดื่ม UHT นมเปรี้ยว โยเกิร์ต และนมจืด ตลาดส่งออกหลัก คือ อาเซียน กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา สปป.ลาว และสิงคโปร์ ร้อยละ 82.7 จีนร้อยละ 5.4 และฮ่องกงร้อยละ 3.4 ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าเอฟทีเอของไทยที่ได้ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคและนมโคแปรรูปให้ไทยแล้ว ไทยจึงมีความได้เปรียบในการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านจากทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กันและประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน จึงเป็นโอกาสทางการค้าของผู้ประกอบการไทยอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย