กรุงเทพฯ 5 ต.ค. – สสว.เผยดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี ส.ค.ลดลง จากกำลังซื้อสัญญาณแผ่ว หมดมาตรการเยียวยาและความเปราะบางของการจ้างงาน
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเดือนสิงหาคม 2563 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนกรกฎาคม 2563 ที่ระดับ 51.6 มาอยู่ที่ระดับ 51.2 ถือเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรก หลังจากปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดช่วงผ่อนปรนมาตรการของรัฐ สะท้อนสัญญาณการเริ่มชะลอตัวทางธุรกิจที่เป็นผลจากการลดลงของกำลังซื้อเป็นสำคัญ เนื่องจากประชาชนใช้เงินเยียวยาเพื่อจับจ่ายใช้สอยไปแล้วในช่วงที่ผ่านมาและภาคธุรกิจมีการปรับตัวเพื่อลดต้นทุนโดยเฉพาะการจ้างงาน ทำให้เกิดความเปราะบางของการจ้างงานหลายธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อการใช้จ่ายที่ลดลงของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็น เพื่อเก็บเงินสำหรับการบริโภคในอนาคต เพราะความกังวลเกี่ยวกับรายได้ที่ยังมีความไม่แน่นอน
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ลดลง เนื่องจากองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อ ปริมาณการผลิต การค้าและการบริการ กำไร และการจ้างงาน ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.5 55.4 53.0 และ 48.2 ตามลำดับ ส่วนองค์ประกอบด้านต้นทุน และการลงทุนปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 45.0 และ 50.9 ตามลำดับ โดยภาคการผลิต มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ เดือนนี้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 51.3 ส่วนภาคการค้าและภาคการบริการ ปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 51.0 และ 51.2 ตามลำดับ การปรับตัวลดลงมาจากการระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็น อาทิ เสื้อผ้าและสิ่งทอ ไม้และเฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง บริการรถเหมาเพื่อท่องเที่ยว โรงแรมและร้านอาหาร เป็นต้น
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 56.3 ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 59.3 แนวโน้มความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ลดลงจากความกังวลเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และความเปราะบางของการจ้างงานในอนาคตที่จะส่งผลต่อรายได้ของประชาชน นอกจากนี้ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนของการท่องเที่ยว
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อกิจการเอสเอ็มอีเดือนนี้ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ภาวะเศรษฐกิจในประเทศและอำนาจซื้อของประชาชน 2.การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค 3.มาตรการในด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล 4. การแข่งขันในตลาด 5. ราคาต้นทุนสินค้า/ค่าแรงงาน ที่เพิ่มสูงขึ้น.-สำนักข่าวไทย