กรุงเทพฯ 1 ต.ค. 63 – ทรีนีตี้ มองตลาดหุ้นเดือนตุลาคมยังผันผวนสูง หลังตลาดหลักทรัพย์กลับมาใช้เกณฑ์ซอร์ตหุ้นปกติ ชี้หุ้นท่องเที่ยวและการบริโภคยังเสี่ยงสูง พร้อมให้กรอบดัชนีหุ้นไทยให้ที่ 1,190-1,270 จุด แนะหุ้นขนาดกลางและเล็กยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในภาวะปัจจุบัน
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผย ถึงทิศทางการลงทุนเดือนตุลาคมว่า ภาพรวมมองกรอบการแกว่งตัวของดัชนี ที่ 1,190-1,270 จุด อิงค่าพี/อีล่วงหน้าระหว่าง 15.7-16.8 เท่า ภายใต้สมมุติฐานอัตรากำไรสุทธิของตลาด(EPS) จะไม่ถูกปรับลดลงอีก
โดยประเมินดัชนีตลาดหุ้นในเดือนนี้จะมีความผันผวนรุนแรงขึ้น จากกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์กลับมาใช้เกณฑ์ปกติในการชอร์ตเซลหุ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม , การเข้าสู่ช่วงการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งทางทรีนีตี้ประเมินว่ามีโอกาสสร้างความผิดหวังให้กับตลาดได้ ทั้งในแง่ของงบฯไตรมาส 3 เอง และแนวโน้มกำไรปีหน้าที่ ซึ่งจะนำมาสู่การปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดครั้งใหม่ได้ รวมทั้งการหมดอายุมาตรการพักชำระหนี้ของธปท. ซึ่งอาจเป็นการสร้างภาระให้กับผู้ประกอบการรวมไปถึงประชาชนในประเทศมากยิ่งขึ้นได้ ขณะที่ปัจจัยภายนอกนั้น คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะเข้าสู่ช่วงของการแกว่งตัวผันผวนมากขึ้น เมื่อเข้าใกล้กับช่วงของการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย.เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่ผลลัพธ์นั้นยังประเมินได้ยาก
ทั้งนี้ได้ประเมินกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจเป็นเป้าหมายของการถูกชอร์ตเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากเป็นกลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการในระยะสั้นน่าผิดหวัง แถมยังซื้อขายด้วย Valuation ในระดับสูง เช่นในกลุ่ม โรงแรม สนามบิน ค้าปลีก สื่อสาร เป็นต้น ล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนส.ค.พบว่าโมเมนตัมของการฟื้นตัวเริ่มอ่อนแรงลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคภายในประเทศที่หดตัวมากขึ้น
พร้อมมองหุ้นขนาดกลางและเล็กยังคงเป็นทางเลือกที่ดีในภาวะปัจจุบัน เนื่องจากมีปัจจัยหนุนหลายด้าน ทั้งจาก Valuation ที่อยู่ในระดับสมเหตุสมผล อัตราการเติบโตของกำไรที่จูงใจ โมเมนตัมการปรับประมาณกำไรที่แข็งแกร่ง และสภาพคล่องของนักลงทุนทั่วไปที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ล่าสุดธปท.รายงานตัวเลขฐานเงินอย่างกว้างประจำเดือนส.ค.พบเติบโตสูงในระดับ 10.6% มองเป็นปัจจัยหนุนระดับการมีส่วนร่วมของนักลงทุนทั่วไป ซึ่งถือเป็นอานิสงส์ทางอ้อมต่อหุ้นขนาดกลาง-เล็ก โดยแนะนำ 10 หุ้น ได้แก่ ASIAN, CHAYO, ICHI, ILINK, JMART, PRM, PTG, STGT, UTP, และ WICE . – สำนักข่าวไทย