กรุงเทพฯ 13 ก.ย. – ขสมก.ยังเข้มมาตรการให้พนักงานและผู้โดยสารใส่หน้ากากอนามัยบนรถ ขณะที่จำนวนผู้โดยสารหลังสถานการณ์โควิด-19 เฉลี่ยวันละ 850,000 คน ส่วนอุบัติเหตุป้ายรถเมล์หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์พัง ยืนยันการดูแลป้ายรถเมล์ทั่วกรุงอยู่ในกำกับดูแลของกรุงเทพมหานคร
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวถึงการให้บริการรถเมล์โดยสารหลังจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 คลี่คลาย ว่า ขณะนี้รถเมล์ ขสมก.มีผู้ใช้บริการวันธรรมดาเฉลี่ย 850,000 เที่ยว/คน/วัน และในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ 600,000 เที่ยว/คน/วัน โดยยอมรับว่าจำนวนผู้โดยสารยังเทียบไม่ได้กับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเคยมีผู้โดยสารเฉลี่ยสูงสุดวันธรรมดา วันละ 1 ล้านเที่ยว/คน ซึ่งสาเหตุสำคัญที่จำนวนผู้โดยสารยังไม่กลับมาเท่ากับตัวเลขในอดีตนั้น เนื่องจากแม้ว่าสถานการณ์โควิดจะปรับตัวดีขึ้น แต่ผู้โดยสารส่วนหนึ่งน่าจะปรับตัวลดการเดินทาง โดยเฉพาะช่วงวันหยุด
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันภาครัฐจะผ่อนคลายมาตรการการเว้นระยะห่าง (Social Distancing ) บนรถโดยสาร ทำให้รถเมล์ของ ขสมก.สามารถรับผู้โดยสารมากขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้บรรทุกผู้โดยสารได้เพียงครึ่งหนึ่ง หรือ 50% แต่ปัจจุบันยืนยันว่า ขสมก.ยังคงเข้มมาตรการอื่น ๆ เช่น พนักงานขับรถ พนักงานเก็บค่าโดยสาร และผู้โดยสารทุกคน ยังต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะให้และใช้บริการ รวมทั้งการตั้งจุดเจลอนามัย ทั้งบนรถและอู่ปล่อยรถต่าง ๆ ในกำกับดูแลของ ขสมก.
ส่วนประเด็นป้ายรถเมล์บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์พังถล่มลงมานั้น ผู้อำนวยการ ขสมก. ระบุว่าปกติการดูแลจุดบริเวณพื้นที่ป้ายรถเมล์ในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ จะอยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร ซึ่งที่ผ่านมา ขสมก.ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจก็พร้อมให้ความช่วยเหลือในประเด็นต่าง ๆ หากได้รับการร้องขอ ทั้งนี้ จุดที่ตั้งของป้ายรถเมล์ในพื้นที่ กทม.นั้น ในอดีตจะมาจากความร่วมมือ 3 ฝ่าย คือกรุงเทพมหานคร ขสมก. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ.-สำนักข่าวไทย