กรุงเทพฯ 31 ส.ค. – ปตท.พร้อมแข่งตลาดก๊าซเสรี นำเข้าแอลเอ็นจี โดยขอให้มีหลักเกณฑ์ที่เป็นธรรม โชว์ผลงาน นำเข้าราคาสปอต แข่งขันได้ วางแผนรุกตลาดค้าก๊าซแบบครงวงจรทั้งในและต่างประเทศ คาด ตลาดแอลเอ็นจีฟื้นตัว หลังฟุบจากโควิด-19 ในกลางปี 64 เป็นต้นไป ชี้ หากไทยจะเป็น LNG HUB ที่แข็งแกร่งรัฐต้องมีมาตรการสนับสนุนให้แข่งกันกับสิงคโปร์
นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. เปิดเผยว่า ปตท.พร้อมที่จะปรับตัวแข่งขัน ในตลาดก๊าซธรรมชาติ บนพื้นฐานการค้าเสรี ซึ่งจากที่ ปตท.มีประสบการณ์การดำเนินงานมา 40 กว่าปี และมีศักยภาพในการเจรจาทั้งในตลาดผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้ใช้ ก็เชื่อว่า ปตท.อยู่บนพื้นฐานที่แข่งขันได้ แต่กติกาทั้งหลายที่ภาครัฐกำลังดำเนินการวางหลักเกณฑ์ ก็ควรเป็นกติกาที่สามารถดำเนินการให้แข่งขันได้ในทุกกลุ่มอยู่บนพื้นฐานที่เป็นธรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่า จากที่ ปตท.นำเข้าแอลเอ็นจีราคาตลาดจร หรือ SPOT ในปีนี้ ปตท.ก็สามารถนำเข้าในราคาต่ำ ประมาณ 2 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้ว ปตท.ก็พร้อมที่จะขายราคาตลาดจรในราคาต่ำ แก่ผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งประชาชนก็จะได้ประโยชน์ในส่วนนี้
สำหรับการปรับตัว ในการจำหน่ายก๊าซ ปตท.วางเป้าหมายปรับตัวเป็นผู้พัฒนาตลาดก๊าซธรรมชาติ (gas marketers)จากเดิมที่เน้นความเป็นเลิศด้านการผลิต (operation excellence) โดยแผนการจำหน่ายทำรูปแบบครบวงจรตามความต้องการของลูกค้า พร้อมๆกับปรับการดำเนินการ ในรูปแบบการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG HUB) เพื่อนำเข้าและส่งออก LNG ไปยังภูมิภาคที่มีความต้องการใช้มาก รวมถึงการเปิดตลาดก๊าซฯภายในนิคมอุตสาหกรรมที่ต่างประเทศ เมียนมา ที่ปัจจุบัน ปตท.ได้เข้าไป ศึกษาความเป็นไปได้ในนิคมฯพื้นที่ย่างกุ้ง 2-3 แห่งจากที่ เมียนมาวางแผนสร้าง นิคมฯมากกว่า 10 แห่ง ทั้งนี้ เพื่อป้อนก๊าซฯรองรับการใช้สำหรับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะส่งผ่านทางท่อ หรือในรูปแบบของการขนส่งด้วยรถ
ทั้งนี้คาดว่า ความต้องการ ก๊าซแอลเอ็นจี ตลาดในภูมิภาค นี้ ทั้งเมียนมา ฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม รวมถึงจีนตอนใต้ คาดว่าจะมีความต้องการใช้ LNG มากกว่า 1 ล้านตัน/ปี แต่ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ความต้องการจึงชะลอตัว ซึ่งประเมินว่าตลาดก๊าซฯในภูมิภาคจะกลับมาปกติในช่วงกลาง หรือ ปลายปี 64 และปี หน้า ปตท.วางแผนจะส่งออกแอลเอ็นจีในระดับ 65,000 ตัน อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ ก็มีความต้องการที่จะเป็นศูนย์กลางค้าแอลเอ็นจี ในภูมิภาคเช่นกัน ซึ่งหากจะแข่งขันได้ ก็อาจจะต้องรอนโยบายสนับสนุนพิเศษจากภาครัฐเพิ่มเติม
“การเป็นเทรดเดอร์ LNG ในภูมิภาค เมื่อช่วงต้นปี 63 ปตท.ได้เริ่มทดลอง ส่งออกไปยังจีนตอนใต้ แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ชะลอแผนงานไปบ้าง แต่ก็คาดหวังว่าจะกลับมาดำเนินการได้ใหม่ในช่วงไตรมาส 3/63 หรือปลายปีนี้ ภายใต้โครงการ LNG HUB และในอนาคตหากจะให้ไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศ โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่มีความต้องการที่จะเป็นฮับเช่นกัน ก็อาจจะต้องรอนโยบายสนับสนุนพิเศษจากภาครัฐเพิ่มเติมด้วย” นายวุฒิกร กล่าว
ปัจจุบันปตท.ได้เข้าร่วมโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการพลังงาน (ERC Sandbox) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ใน 2 โครงการที่เกี่ยวข้องกับ Regional LNG HUB เพื่อร่วมทดสอบว่ามีกฎหมายใดที่ต้องปรับแก้ไขเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินการและส่งเสริมให้เกิดการแข่งขัน LNG HUB โดยปัจจุบันการดำเนินการยังอยู่ภายใต้เกณฑ์เดิมที่มีอยู่ และอัตราค่าบริการก็เท่ากับอัตราผู้ใช้ในประเทศ โดยคาดว่าจะส่งผลสรุปให้กับ กกพ.ได้ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.64 -สำนักข่าวไทย