กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – GC ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ พลิกวิกฤติโควิด-19 เป็นโอกาส สร้างเทรนด์รักษ์โลกแบบทันสมัย พร้อมด้วยสมาร์ท ออฟฟิศ เสริมประสิทธิภาพการทำงานให้พนักงาน
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า GC เตรียมมาตรการสำคัญและปรับกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงที่โลกยังเผชิญวิกฤตโควิด-19 รวมถึงราคาน้ำมัน และสงครามทางเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทฯ โดยยึดหลัก 4 มาตรการสำคัญ คือ 1. ความปลอดภัยของพนักงาน 2. ความต่อเนื่องทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน 3. การช่วยเหลือชุมชนและสังคมโดยรวม และ 4.ความชัดเจนในการสื่อสาร ความโปร่งใส และ การสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย
นอกจากนี้ ยังนำกลยุทธ์ 3 Steps ได้แก่ Step Change, Step Out และ Step Up มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยมีการทบทวนอย่างรอบคอบและปรับกลยุทธ์ในช่วงภาวะวิกฤตินี้ สำหรับนโยบายด้านหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นำมาปรับใช้นั้น ครอบคลุม 3 ส่วนหลักในการดำเนินงานของบริษัท ได้แก่ 1.Smart Operating – ยกระดับการบริหารและดำเนินงานอย่างยั่งยืน 2.Responsible Caring – พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3. Loop Connecting – เชื่อมโยงทุกภาคส่วนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ส่วนความก้าวหน้าโครงการลงทุนปี 2563 โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins Reconfiguration Project (ORP) ขยายกำลังการผลิตผ่านการลงทุนแนฟทา แครกเกอร์ เพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบของบริษัทฯ และต่อยอดธุรกิจปลายน้ำในอนาคตด้วยกำลังการผลิตเอทิลีน 500,000 ตัน และโพรพิลีน 250,000 ตัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคืบหน้าไปแล้ว 91% คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาส 4 ปี 2563 มูลค่าโครงการประมาณ 36,000 ล้านบาท โครงการโพรพิลีนออกไซด์ และโครงการโพลีออลส์ เพื่อผลิตโพรพิลีนออกไซด์ 200,000 ตันต่อปี และผลิตภัณฑ์โพลีออลส์ 130,000 ตันต่อปี มีมูลค่าโครงการประมาณ 34,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์โพรพิลีนไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายทางสายโพลียูรีเทน ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คืบหน้าไปแล้ว 94 % คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาส 4 ปี 2563
โครงการร่วมลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง 2 โครงการ ได้แก่ PA9T 13,000 ตัน/ปี และ HSBC 16,000 ตัน/ปี คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2565 สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายเกรดพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท คุราเร่ จีซี แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ จำกัด (KGC) มูลค่าโครงการประมาณ 15,000 ล้านบาท
โครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนเทเรฟเทเลท ขยายการผลิต PET จาก 147,000 ตันต่อปี เป็น 200,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 โครงการ HMC PP Line Expansion กำลังการผลิต เม็ดพลาสติกโพลิโพรพิลีน 250,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ครึ่งปีหลังของปี 2565 และโครงการพลาสติกรีไซเคิล เป็นส่วนหนึ่งของแนวทาง GC Circular Living โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำบรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติกที่ใช้แล้ว มาเป็นวัตถุดิบในกระบวนการรีไซเคิล เพื่อให้ได้เม็ดพลาสติกคุณภาพสูงระดับ Food-Grade และ Packaging-Grade
ตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด (ENVICCO Limited) ที่นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย มาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกหมุนเวียนคุณภาพสูง ชนิด rPET ขนาด 30,000 ตันต่อปี และ rHDPE ขนาด 15,000 ตันต่อปี จะเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 2563 และคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2565 มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท
ส่วนโครงการศึกษาการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐอยู่ในระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรรายใหม่แทน Daelim ที่ถอนตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็น Second Home Base ของบริษัทฯ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีความได้เปรียบด้านความสามารถในการแข่งขันทางด้านวัตถุดิบ โดยมีแหล่งวัตถุดิบอีเทน ทำให้มีต้นทุนต่ำ คาดว่าจะได้ผลสรุปเพื่อตัดสินใจในการดำเนินโครงการดังกล่าวเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ GC อยู่ระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการโดยละเอียด.-สำนักข่าวไทย