กรุงเทพฯ 28 พ.ย.- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่า
มาตรการของกรมปศุสัตว์สามารถรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ได้
ขณะที่ภาคเอกชนรายใหญ่ร่วมมือปลดแม่ไก่ยืนกรงเพิ่มอีก 1 ล้านตัว
พร้อมหาตลาดส่งไข่ไก่ที่ล้นตลาดในประเทศออกไปขาย
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า
ได้รับรายงานจากนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์
รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ถึงการเร่งดำเนินมาตรการขอความร่วมมือผู้ประกอบการเลี้ยงไก่ไข่รายใหญ่
16
บริษัทเพื่อช่วยเแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำ
เนื่องจากผลผลิตไข่ยังออกมาปริมาณมากเกินความต้องการของตลาด โดยมีมาตรการเร่งด่วน 3 มาตรการเพื่อปรับลดปริมาณการผลิตไข่คือ ปลดแม่ไก่ไข่ยืนกรง 1 ล้านตัว ภายใน 1 สัปดาห์ซึ่งมีบริษัทให้ความร่วมมือ
15 บริษัท ส่งออกไข่ไก่ 60
ล้านฟองภายใน 1 เดือน ได้แก่ บ. เครือเจริญโภคภัณฑ์ 40 ล้านฟอง บ. เบทาโกร 10 ล้านฟอง และบริษัทอื่นๆ อีก 10 ล้านฟอง นอกจากนี้ยังขอให้ปลดพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ (PS) อายุ 25-60 สัปดาห์ 1
แสนตัว ภายใน 1
สัปดาห์นั้น
นายกฤษฏากล่าวว่า
กรมปศุสัตว์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ติดตาม
ตรวจสอบให้บริษัทดำเนินการปลดแม่ไก่ยืนกรงและไก่ไข่พ่อแม่พันธุ์ ให้แล้วเสร็จไม่เกินวันที่
30 พฤศจิกายนนี้
ติดตามการส่งออกไข่ไก่ทุกสัปดาห์
รวมทั้งติดตามตรวจสอบห้องเย็นที่เก็บไข่ไก่รอการส่งออก โดยห้ามนำไข่ไก่ 60 ล้านฟองที่เตรียมส่งออกนั้นมาจำหน่ายตลาดภายในประเทศ
ล่าสุดนายบรรเจิด หอมบุญมา รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายธุรกิจไข่ไก่
บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพีเอฟ) แจ้งมายังกรมปศุสัตว์ว่า
ได้ทยอยเก็บไข่ไก่เข้าห้องเย็นวันละ 2 ล้านฟอง
โดยกำลังเร่งหาตลาดรองรับไข่ไก่ซึ่งจะส่งออกรวมทั้งสิ้น 40
ล้านฟอง อีกทั้งได้ปลดพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ รวมถึงยังได้ปลดปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ (GP)
ลงจำนวนหนึ่ง ซึ่งพร้อมให้กรมปศุสัตว์ตรวจสอบตลอดเวลา
ทั้งนี้ จากการดำเนินการตามมาตรการข้างต้นคาดว่า
จะทำให้ราคาซื้อขายไข่ไก่คละหน้าฟาร์มซึ่งปรับตัวจากฟองละ 2.40 บาท เป็นฟองละ 2.50
บาท ซึ่งยังคงรักษาเสถียรภาพราคาอยู่ได้ในขณะนี้
มีแนวโน้มจะปรับสูงขึ้นอีก เมื่อจำนวนแม่ไก่ยืนกรงและพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ลดลง
ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น–สำนักข่าวไทย