กรุงเทพฯ 16 ม.ค.- โตโยต้าคาด ยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้จะแตะ 900,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4
ส่วนเงินบาทแข็งค่ายอมรับกระทบกับรายได้ของบริษัท ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าจะมีช่วงเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ไฮบริทก่อน
นายมิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์
คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
คาดการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2561 ว่า หลังจากปี 2560 ตลาดรถยนต์ไทยฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 4 ปี ด้วยยอดขาย
870,748 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ
13.3 เป็นผลจากมาตรการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่หนุนให้จีดีพีของไทยเติบโตร้อยละ 3.9 ส่วนแนวโน้มตลาดรถยนต์ปี 2561
ผลจากการใช้จ่ายของรัฐบาล กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ความเชื่อมั่นผุ้บริโภค และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
คาดว่า ตลอดปีจะมียอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศรวม 900,000 คัน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 จากปีที่ผ่านมา
โดยทางโตโยต้าตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2561 ไว้ 300,000 คัน เพิ่มจากปี 2560 ที่มียอดขาย 240,137 คัน
ส่วนกรณีที่รัฐบาลไทยส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นนั้น
ทางโตโยต้าเชื่อว่า รัฐบาลไทยจะมีช่วงเปลี่ยนผ่านสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
โดยจัดให้มีมาตรการส่งเสริมการลงทุนออกมา อย่างไรก็ตาม ในอนาคตแม้จะมีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
แต่ยังมีปัญหาเรื่องสถานีที่ชาร์ทไฟรถ รวมถึงแหล่งพลังงานไฟฟ้าว่า
จะนำมาจากแหล่งผลิตไหน จะมาจากแหล่งพลังงานฟอสซิลหรือจากพลังงานนิวเคลียร์ โตโยต้าเห็นว่า
รถยนต์ไฟฟ้าในตลาดจะยังไม่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นโดยเริ่มจากการเพิ่มจำนวนขึ้นของรถยนต์ประเภทไฮบริดและค่อย
ๆ ปรับไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าต่อไปในอนาคต
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์
(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้า
ยังมีปัญหาเรื่องข้อจำกัดระยะทางวิ่งยังไม่ไกลต่อการชาร์ทไฟแต่ละครั้ง
และยังมีปัญหาเรื่องสถานีชาร์ทไฟสำหรับรถไฟฟ้ายังมีน้อย และหาผู้ลงทุนได้ยากเนื่องจากมาร์จิ้นต่ำ
และที่มีการระบุว่า การชาร์ทแต่ละครั้งใช้เวลาเพียง 30 นาทีนั้น
ก็เป็นการให้รายละเอียดไม่หมด
เพราะการจะชาร์ทไฟในลักษณะดังกล่าวจะทำได้จะต้องมีเครื่องชาร์ตไฟฟ้า 3 เฟส และเครื่องมีขนาดใหญ่ ราคาสูงถึงเครื่องละ 2
ล้านบาท ผู้ลงทุนจึงหายาก ทั้งนี้ โตโยต้า เห็นว่า ตลาดรถยนต์ในช่วง 10 ปีนี้ จะเป็นตลาดของรถยนต์ไฮบริทคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยบละ 80 ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าอีก 2 ปีภาพจะชัดเจนยิ่งขึ้น
นายฉัตรชัย ทวีสกุลวัชระ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวถึงเงินบาทที่แข็งค่าว่า ไม่กระทบตลาดรถยนต์
ซึ่งการส่งออกรถยนต์ในปีที่ผ่านมา ยอดส่งออกไปตะวันออกกลางลดลงเพราะราคาน้ำมันที่ตกต่ำ
แต่ยอมรับว่า เงินบาทที่แข็งค่าส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท บริษัทจึงพยายามหากิจกรรมลดต้นทุน
เช่น เจรจาคู่ค้า และขณะนี้เงินบาทแข็งค่ามาอยู่เหนือระดับ 32
บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ นับว่าเป็นการแข็งค่าขึ้นมาอย่างมาก ส่วนจะอยู่ในระดับไหนที่จะเหมาะสมกับการส่งออกนั้น
ทางโตโยต้าไม่สามารถระบุได้-สำนักข่าวไทย