กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – โฆษก ธปท. เผย GDP ไตรมาส/68 โตใกล้ 3% ยอมรับเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา และน้ำท่วมเหนือกระทบเศรษฐกิจไตรมาส 3 ประเมินเศรษฐกิจครึ่งปีหลังชะลอยาวถึงปีหน้า จับตาผลเจรจาภาษีสหรัฐฯ หลังทรัมป์ประกาศบรรลุข้อตกลงแล้ว คาดได้อัตราใกล้เคียงภูมิภาค
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน BOT Monthly Briefing โฆษกพบสื่อว่า เดือนมิถุนายน 2568 เศรษฐกิจไทยชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้า ลดลง 4.8% และภาคการผลิตลดลงหลังเร่งไปในช่วงก่อน สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวลดลง โดยจำนวนนักท่องเที่ยว ลดลง 2.8% ตามจำนวนและรายลับนักท่องเที่ยวต่างชาติ การบริโภคภาคเอกชนลดลง 0.3% ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง โดยการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 0.7% ตามการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น 2.1% โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.25% จากหมวดอาหารสด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ 1.06%
สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เศรษฐกิจไทยขยายตัวใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 1 ที่ระดับใกล้ 3 % โดยมีแรงส่งจากการส่งออกสินค้าที่อยู่ระดับการผลิตภาคอุตสาหกรรม การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่กิจกรรมเกี่ยวข้อง การท่องเที่ยวชะลอลง สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใช่ว่าเราส่วนการบริโภคภาคเอกชนทรง ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง จากหมวดพลังงานที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามการส่งผ่านด้านต้นทุนในหมวดอาหาร ส่วนตลาดแรงงานทรงตัว โดยจำนวนผู้ประกันตนปรับดีขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสิบว่างั้น เพื่อนขึ้นเช่นกัน

สำหรับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป มีแนวโน้มชะลอลงจากผลกระทบของนโยบายการค้าโลกต่อการส่งออกสินค้า การผลิตทั้งผ้าเกษตรและภาคอุตสาหกรรม และรายได้ของแรงงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มชะลอลง โดยจะต้องติดตามผลของการเจรจาการค้าของไทยและประเทศต่างๆ กับสหรัฐฯ สถานการณ์ไทย-กัมพูชา พัฒนาการภาคการท่องเที่ยว ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ และผลจากวัตกรรม เศรษฐกิจของภาครัฐ
นางสาวชญาวดี กล่าวเพิ่มเติมถึงผลกระทบจาก มาตรการภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เชื่อว่าทีมไทยแลนด์จะทำเต็มที่ในการเจรจาเพื่อให้ได้อัตราภาษีที่ดีที่สุด โดยคาดว่าระดับภาษีที่ไทยจะได้รับจะไม่แตกต่างจากประเทศอื่นในภูมิภาคมากนัก ซึ่งหากไทยได้รับอัตราภาษีที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค ต้องไปพิจารณาในราย อุตสาหกรรมว่ามีสัดส่วนการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯมากน้อยเพียงใด จึงจะประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ ยังมีประเทศคู่ค้าหลักที่ยังไม่ประกาศตัวเลขภาษี เช่น จีน
ขณะที่ภาคการส่งออก เห็นแนวโน้มชะลอตัวในเดือนมิถุนายน และประเมินว่าในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จะชะลอตัวต่อเนื่องไปถึงปีหน้า รวมถึงต้องติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในพื้นที่ และผลข้างเคียงด้านความเชื่อมั่นอื่น ๆ ที่จะตามมา
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรก เป็นไปตามที่ ธปท. คาดการณ์ไว้ ส่วนครึ่งปีหลัง ยอมรับว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอลง จากความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันยังสามารถรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจได้ โดย ธปท.ได้ติดตามความเสี่ยง และเตรียมมาตรการรองรับร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และจะนำปัจจัยความเสี่ยงทั้งหมดมา พิจารณาในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนสิงหาคมนี้.-516-สำนักข่าวไทย