กรุงเทพฯ 14 พ.ค. – บางจากฯ เผยแม้กำไรไตรมาส 1/68 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงาน ไม่มีขาดทุนสตอก ย้ำสิ้นปีนี้ Synergy กับ BSRC เสร็จสมบูรณ์
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 134,647 ล้านบาท มี EBITDA 12,666 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมีการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 466 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 13% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA 3,139 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% แม้ว่าค่าการกลั่นพื้นฐานเฉลี่ยจะลดลงในไตรมาสก่อน สืบเนื่องจาก Crack Spread ที่อ่อนตัวในทุกผลิตภัณฑ์ แต่ผลจากราคาน้ำมันดิบเดทเบรนท์ที่มีราคาต่ำกว่าดูไบในไตรมาส 1 ช่วยชดเชยผลกระทบของ Crack Spread ที่อ่อนตัวลงได้บางส่วน และยังได้รับแรงหนุนหลักจากการรับรู้กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 788 ล้านบาท ซึ่งสามารถชดเชย Inventory Loss ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด


“EBITDA ที่ 12,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 77 จากไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งเท่าตัว สะท้อนถึงการฟื้นตัว จุดเด่นสำคัญคือการรับรู้ Synergy จากการควบรวมกิจการกับบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (BSRC) คิดเป็นมูลค่า EBITDA ถึง 1,812 ล้านบาท และเดินหน้าควบรวม BSRC ให้สมบูรณ์ในปีนี้” นายชัยวัฒน์ ระบุ
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในขณะนี้เริ่มเห็นพัฒนาการเชิงบวกจากบรรยากาศการค้าระหว่างประเทศที่เริ่มคลี่คลาย สะท้อนผ่านราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ท่ามกลางสภาวะที่ท้าทาย บางจากฯ ยังได้บุกเบิกพลังงานแห่งอนาคต ด้วยการเปิดหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน Neat SAF 100% ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ (Stand-Alone) แห่งแรกของประเทศไทย ณ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง กำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 1 ล้านลิตรต่อวัน เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาโครงสร้างโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเข้าเรือ VLCC และการขยายท่าเรือรองรับเรือ Suezmax ณ โรงกลั่นน้ำมันบางจากศรีราชา โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในไตรมาส 2 และสามารถรับรู้ประโยชน์ด้านต้นทุนในช่วงครึ่งหลังของปีในด้านธุรกิจการตลาด บางจากฯ ได้เร่งขยายสถานีบริการกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ พร้อมยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์สู่มาตรฐานสากล ควบคู่กับการพัฒนา Retail Experience ภายใต้แนวคิด “Greenovative Destination for Intergeneration” โดยตั้งเป้าขยายร้านกาแฟอินทนิลให้ครบ 1,400 สาขา ภายในสิ้นปี รวมถึงเพิ่มจุดชาร์จ EV กว่า 419 แห่ง และจุดจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น มากกว่า 2,000 แห่ง


สำหรับฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 กลุ่มบริษัทบางจาก มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 27,613 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 1,013 ล้านบาท โดยหลักเกิดจากกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนและจัดหาเงินใช้ไปมากกว่ากระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน โดยอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อ
ส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับที่ยังแข็งแรงที่ 1.12 เท่า และมีอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของบริษัทที่ระดับ “A+” และแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” หรือ “Stable” จากทริสเรทติ้ง.-511-สำนักข่าวไทย